เอเอฟพี - หัวเว่ย ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีนเปิดตัวระบบปฏิบัติการของตนเองในวันศุกร์(9ส.ค.) ขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงในการเข้าถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่กำลังลุกลามบานปลายระหว่างสหรัฐฯกับจีน
ซอฟต์แวร์ที่ตั้งตาคอยมานานถูกมองว่ามีความสำคัญยิ่งต่อความอยู่รอดของทางบริษัท ในขณะที่หัวเว่ยกำลังเผชิญหน้ากับเค้ารางความเป็นไปได้ที่ทำเนียบขาวจะห้ามบริษัทต่างๆของสหรัฐฯขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีแก่หัวเว่ย ซึ่งอาจทำให้หัวเว่ยถูกถอดจากการเข้าถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล
ริชาร์ด หยู ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ของหัวเว่ย ทำการเปิดตัว ฮาร์โมนีโอเอสหรือหงเหมิง(HongMeng) ในจีน ระหว่างการแถลงข่าวที่เมืองดองกวน ทางภาคใต้ของประเทศ
เขาเผยว่าเวอร์ชันแรกของฮาร์โมนีโอเอสจะเปิดใช้อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ในผลิตภัณฑ์สมาร์ทสกินต่างๆ ก่อนขยายไปสู่อุปกรณ์อิจฉริยะอื่นๆต่อไป ในนั้นรวมถึงเทคโนโลยีแบบสวมใส่ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
"ถ้าคุณถามว่าเมื่อไหร่ที่เราจะใช้ระบบปฏิบัติการนี้ในสมาร์ทโฟน เราสามารถทำมันได้ทุกเมื่อ" หยูกล่าว อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าเป้าหมายลำดับแรกของหัวเว่ยก็คือการได้สิทธิ์ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลต่อไป "แต่หากเราไม่สามารถใช้แอนดรอยด์ในอนาคต เราสามารถเปลี่ยนมาใช้ฮาร์โมนีโอเอสทันที" เขากล่าว
หยูบอกว่าฮาร์โมนีโอเอสคือทิศทางแห่งอนาคตและออกแบบมาให้ลื่นไหลและปลอดภัยกว่าเดิม ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และระบบปฏิบัติการของแอปเปิ้ล
บริษัทแห่งนี้ถูกซัดเข้าสู่แก่นกลางของสงครามการค้าระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน ซึ่งต่างรีดภาษีตอบโต้กันไปมามูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการค้าแบบสองทาง
หัวเว่ยซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้นำในด้านอุปกรณ์ 5G และเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 ของโลก ถูกขึ้นบัญชีดำโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่ามกลางข้อสงสัยว่าพวกเขาอาจสอดแนมให้แก่หน่วยงานข่าวกรองจีน ข้อกล่าวหาที่ทางบริษัทปฏิเสธ
ผลก็คือในทางทฤษฎี บริษัทต่างๆของสหรัฐฯไม่ได้รับอนุญาตให้ขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีแห่หัวเว่ยอีกต่อไป แต่วอชิงตันได้อนุมัติระงับคำสั่งแบนชั่วคราวกอนมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตามคำสั่งระงับมีกำหนดหมดอายุลงในสัปดาห์หน้า
คำสั่งแบนดังกล่าวจะขัดขวางบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนจากการเข้าถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำคัญๆ ในนั้นรวมถึงชิปสมาร์ทโฟนและส่วนประกอบของระบบปฏิบัติการกูเกิล แอนดรอยด์ ซึ่งติดตั้งอยู่ในสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ของโลก ในนั้นรวมถึงสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยด้วย
เมื่อวันพฤหัสบดี(8ส.ค.) จีนประณามกฎระเบียบใหม่ของสหรัฐฯที่แบน หัวเว่ย เทคโนโลยีและบริษัทอื่นๆ ของจีน จากการเป็นคู่สัญญาของภาครัฐ เทียบเท่ากับเป็นการใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ
มีข่าวว่า หัวเว่ย เดินหน้าพัฒนาระบบปฏิบัติการของตนเองมาตั้งแต่ปี 2012 แต่ทางกลุ่มมักพูดอย่างเปิดเผยว่าไม่ต้องการทดแทนแทนโทรศัพท์แอนดรอยด์ด้วยระบบปฏิบัติการท้องถิ่น โดย หยู เคยให้สัมภาษณ์กับ Die Welt สื่อมวลชนเยอรนีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า มันเป็นเพียง "แผนบี"
"บริษัทมีระบบปฏิบัติการสำรองไว้ใช้แล้วสำหรับกรณีฉุกเฉินหากถูกปิดกั้นจากซอฟต์แวร์ของบริษัทสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิง นั่นคือแผนสอง (Plan B) ของเรา แต่แน่นอนว่า ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากทำงานกับระบบนิเวศของกูเกิลและไมโครซอฟต์มากกว่า" ผู้บริหารของหัวเว่ยกล่าว
