รอยเตอร์ - รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติส่งออกวัสดุไฮเทคไปยังเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการคุมเข้มเมื่อเดือน ก.ค. แต่ยังไม่วายขู่ขยายการตรวจสอบไปยังสินค้าอื่นๆ หากพบว่าถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
มาตรการควบคุมส่งออกเคมีภัณฑ์ 3 ชนิดที่ใช้ในกระบวนการผลิตชิปและหน้าจอสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นชนวนข้อพิพาทการทูตครั้งใหญ่ระหว่าง 2 พันธมิตรของสหรัฐฯ ทว่าท่าทีล่าสุดของรัฐบาลปลาดิบสะท้อนให้เห็นว่า แม้จะต้องการกดดันเกาหลีใต้มากเพียงใด แต่ญี่ปุ่นก็ไม่คิดที่จะทำรุนแรงถึงขั้นระงับส่งออกฝ่ายเดียว
“เรากำลังเจรจาผ่านช่องทางการทูต เพื่อให้ญี่ปุ่นเพิกถอนมาตรการโจมตีทางเศรษฐกิจ” นายกรัฐมนตรี ลี นักยอน แห่งเกาหลีใต้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล พร้อมยืนยันว่าญี่ปุ่นได้ตัดสินใจอนุมัติส่งออก อียูวี โฟโตรีซิสต์ (EUV photoresists) ซึ่งเป็นสารเคมีที่จำเป็นต่อกระบวนการผลิตชิปความจำที่ทันสมัยของซัมซุง
เจ้าหน้าที่อาวุโสของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลอนุมัติส่งออกสินค้าชนิดนี้แก่เกาหลีใต้ภายหลังจากที่ได้ “ตรวจสอบอย่างเข้มงวด” พร้อมเตือนว่าญี่ปุ่นอาจขยายการควบคุมส่งออกไปยังวัสดุไฮเทคชนิดอื่นๆ อีก
“หากพบว่าสินค้าส่งออกอื่นๆ นอกเหนือจากวัสดุไฮเทค 3 ชนิดนี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เราก็จะดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำอีก ซึ่งอาจจะรวมถึงการขยายมาตรการตรวจสอบด้วย” ฮิโรชิเงะ เซโกะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าว
ทั้งนี้ กระบวนการพิจารณาอนุมัติส่งออกเคมีภัณฑ์ทั้ง 3 ชนิดอาจใช้เวลาสูงสุดถึง 90 วัน ซึ่งทำให้การส่งออกล่าช้า แต่ไม่ถึงขั้นหยุดชะงัก
เซโกะ ระบุด้วยว่า โดยปกติแล้วญี่ปุ่นจะไม่ออกคำประกาศทุกครั้งที่อนุมัติส่งออกสินค้า แต่ที่ประกาศในคราวนี้ก็เพื่อลบล้างคำครหาของเกาหลีใต้ที่อ้างว่าญี่ปุ่นใช้มาตรการห้ามส่งออก (embargo)
อย่างไรก็ดี การที่ญี่ปุ่นไฟเขียวส่งออกเป็นครั้งแรกก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นสัญญาณผ่าทางตันในศึกการค้าครั้งนี้หรือไม่
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงพาณิชย์เกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า “พวกเขาอนุมัติส่งออกสารเคมีเพียง 1 จาก 3 ชนิด และย้ำว่าอนุญาตให้นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านพลเรือนเท่านั้น”
ญี่ปุ่นยังถอดเกาหลีใต้ออกจากบัญชีสีขาว (white list) ซึ่งหมายถึงกลุ่มประเทศที่ได้สิทธิ์ทำการค้าแบบ ‘ฟาสต์แทร็ก” กับโตเกียว นอกจากนี้ยังกำหนดให้บริษัทญี่ปุ่นต้องยื่นขออนุญาตจากรัฐบาลทุกครั้งก่อนจะส่งสินค้าควบคุมเหล่านี้ไปยังแดนโสมขาว
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นอ้างว่าจำเป็นต้องควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง แต่ขณะเดียวกันก็อ้างถึง “การสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ” หลังจากเมื่อปีที่แล้วศาลโสมขาวได้สั่งให้บริษัทญี่ปุ่นชดใช้ค่าเสียหายแก่อดีตแรงงานทาส ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นยืนยันว่าปัญหานี้ได้เคลียร์จบกันไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ทำข้อตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติในปี 1965