รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – “ทรัมป์” พยายามคลายความหวาดหวั่นของอเมริกันเรื่องที่สงครามการค้ากับจีนทำท่าจะยืดเยื้อมาราธอน อ้างยังคงมีเงินมากมายไหลจากแดนมังกรและประเทศอื่นๆ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ สวนทางกับการตั้งข้อสังเกตของประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ที่ว่า ความขัดแย้งนี้จะทำให้การค้าโลกไร้ความแน่นอนต่อไปอีกพักใหญ่ รวมถึงคำเตือนจากแบงก์ชาติจีนว่า การตราหน้าปักกิ่งปั่นค่าเงินจะส่งผลร้ายแรงต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งประกาศในสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาจะขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 10% ต่อสินค้าเข้าจีนอีกล็อตหนึ่งมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนหน้า ได้ทวิตในลักษณะปลอบขวัญเมื่อวันอังคาร (6 ส.ค.) ว่า เม็ดเงินมหาศาลจากจีนและส่วนอื่นๆ ของโลกกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นอกจากนั้นทรัมป์ยังประกาศยืนหยัดเคียงข้างเกษตรกรอเมริกันที่ตกเป็นเป้าหมายการเอาคืนของจีน หลังจากปักกิ่งสั่งระงับการจัดซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ และเพิ่มความเป็นไปได้ในการขึ้นภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้จากอเมริกา
เกษตรกรอเมริกันซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญสำหรับทรัมป์ ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในสงครามการค้า ปีที่ผ่านมายอดจัดส่งถั่วเหลืองที่เป็นสินค้าเกษตรส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดไปยังจีน ได้ตกฮวบทำสถิติต่ำสุดในรอบ 16 ปี
ก่อนหน้านี้คณะบริหารของทรัมป์จัดงบช่วยเหลือเกษตรกรรวม 28,000 ล้านดอลลาร์ นับจากที่สงครามการค้ากับจีนระเบิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยจนถึงตอนนี้กระทรวงเกษตรจ่ายเงินให้เกษตรกรโดยตรงรวม 8,600 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน แม้ทรัมป์พยายามผ่อนคลายกระแสความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทำท่ายืดเยื้อไม่ใช่ศึกที่จะชนะได้อย่างรวดเร็ว อย่างที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้เคยคุยโวไว้ในตอนเริ่มต้นเปิดการสู้รบ ทว่า เจมส์ บัลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ กลับกล่าวระหว่างงานเลี้ยงอาหารกลางวันของสโมสรนักเศรษฐศาสตร์แห่งชาติว่า เฟดคงต้องรับมือสภาพความไม่แน่นอนของการค้าโลกต่อไปอีกหลายไตรมาสหรือหลายปี
นอกจากนั้น สงครามการค้ายังทำท่าย่างเข้าสู่ระยะใหม่ โดยเมื่อวันจันทร์ (5) ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศเป็นครั้งแรกนับจากปี 1994 ว่า จีนกำลังปั่นค่าเงิน หลังจากที่ปักกิ่งปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงจนอยู่ต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงินทั่วโลก อีกทั้งดับความหวังที่ว่า สงครามการค้าสองมหาอำนาจที่ลากยาวเข้าสู่ปีที่สองอาจสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นในอเมริกาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงบ่ายวันอังคาร เช่นเดียวกับเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อหยุดยั้งการอ่อนค่า
ในวันอังคาร(6) ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (พีบีโอซี) ซึ่งก็คือแบงก์ชาติแดนมังกร แถลงว่า การที่อเมริกาตีตราจีนปั่นค่าเงินจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อระเบียบการเงินโลกและสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดการเงิน รวมทั้งขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และสำทับว่า ปักกิ่งจะไม่มีวันใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือจัดการข้อพิพาททางการค้า พร้อมเรียกร้องให้อเมริกายุติการกระทำที่ผิดพลาดนี้
โกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ในเครือเหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์ เดลี่) ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็โจมตีว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของวอชิงตันมีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อระบายความโกรธแค้น และจีนไม่คาดหวังอีกต่อไปว่า จะได้รับมิตรไมตรีจากอเมริกา
วันเดียวกันนั้น แลร์รี คุดโลว์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว ให้สัมภาษณ์เครือข่ายโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า คณะบริหารของทรัมป์ต้องการสานต่อการเจรจากับจีนตามที่วางแผนไว้ในการเป็นเจ้าภาพการเจรจาในเดือนหน้า และว่า การเดินหน้าสู่ข้อตกลงอาจเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความยินยอมพร้อมใจของจีนด้วย
คุดโลว์เสริมว่า เศรษฐกิจอเมริกาอยู่ในสถานะที่ดีและไม่มีสัญญาณเศรษฐกิจโลกถดถอย แม้มีความกังวลว่า การเผชิญหน้าระหว่างอเมริกากับจีนกำลังทำให้กิจกรรมการผลิตทั่วโลกชะลอลงก็ตาม และสำทับว่า ภาระหนักตกอยู่กับเศรษฐกิจจีนมากกว่าอเมริกา
เขายังแจงว่า วอชิงตันจำใจต้องประกาศว่า จีนปั่นค่าเงิน เนื่องจากเงินหยวนอ่อนค่าลงถึง 10% นับจากเดือนเมษายนปีที่แล้ว และสมาชิกชาติอื่นๆ ของกลุ่มจี7 ต่างเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้
ด้าน โรเจอร์ อัลต์แมน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของเอเวอร์คอร์ อินเวสต์เมนต์ แสดงความเห็นว่า ทรัมป์ไม่มีแนวโน้มปล่อยให้ตลาดการเงินไร้เสถียรภาพยืดเยื้อ เนื่องจากชื่อเสียงของเขาผูกติดกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและความสำเร็จในตลาดหุ้นของอเมริกา
กระนั้น อัลแมนต์เสริมว่า จีนไม่มีท่าทีว่า จะปฏิรูปแนวทางด้านการถ่ายโอนเทคโนโลยี การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการโจมตีทางไซเบอร์ และยังบอกว่า สงครามค่าเงินจะทำให้ตลาดไร้เสถียรภาพรุนแรงกว่าสงครามการค้า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ปักกิ่งออกมาประคองค่าเงินหยวนอย่างรวดเร็วในวันอังคาร