เอเจนซีส์ – เคสผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเดงกีเพิ่มขึ้นถึง 98% หรือราว 146,062 รายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกรกฎาคมล่าสุด หลังรัฐบาลมะนิลาประกาศแบนวัคซีนจากบริษัทยาฝรั่งเศสที่เชื่อว่าเป็นต้นตอทำให้เด็กเสียชีวิต พบมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเดงกีไปแล้ว 622 คนในฟิลิปปินส์ เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีได้รับผลกระทบมากที่สุด ล่าสุดวันอังคาร(6 ส.ค)ฟิลิปปินส์ประกาศภาวะโรคระบาดแห่งชาติจากไข้เลือดออกเดงกี
หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ รายงานวันนี้(7 ส.ค)ว่า โรคไข้เลือดออกเดงกีที่มีพาหะมาจากยุงพบระบาดมากในหมู่ประเทศเขตร้อนชื้น ทำให้ผู้ป่วยเลือดออกและอวัยวะล้มเหลวในเคสที่ป่วยรุนแรงและดังนั้นจึงไม่มีวิธีการรักษาที่แน่นอน ซึ่งการระบาดอย่างร้ายแรงที่เกิดขึ้นในฟิลิปปินส์ในเวลานี้ส่งผลทำให้ในวันอังคาร(6) รัฐบาลมะนิลาประกาศภาวะโรคระบาดฉุกเฉินแห่งชาติจากโรคไข้เลือดออกเดงกี
ทั้งนี้พบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค จนถึงวันที่ 20 ก.คปีนี้พบเคสติดเชื้อไขเลือดออกเดงกีไปแล้วกว่า 146,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวนทั้งหมด 622 คน
เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 98% เมื่อเทียบกับตัวเลขในปี 2018 และพบว่าเมื่อ 3 สัปดาห์ล่าสุดมี 7 เขตจากทั้งหมด 17 เขตของฟิลิปปินส์มีอัตราการระบาดของโรคไข้เลือดออกเดงกีสูงกว่าระดับการระบาด
รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ฟรานซิสโก ที. ดุค(Francisco T. Duque) กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เป็นความจำเป็นที่ภาวะการระบาดแห่งชาติต้องถูกประกาศในพื้นที่ซึ่งถูกบ่งชี้ว่า ระดับพื้นที่มีความจำเป็นต้องตอบสนอง และจะสามารถทำให้หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นสามารถใช้งบฉุกเฉินเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤตการระบาด”
เดอะการ์เดียนสื่ออังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า การระบาดครั้งร้ายแรงเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลมะนิลาออกคำสั่งห้ามการจำหน่ายและการแจกจ่าย วัคซีนเดงวาเซีย (Dengvaxia) ซึ่งเป็นวัคซีนโรคไข้เลือดออกเดงกีของบริษัทยาฝรั่งเศส ซาโนฟี ปาเตอร์ (Sanofi Pateur)
ทั้งนี้พบว่าบริษัทยาแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของข่าวฉาวในฟิลิปปินส์เมื่อช่วงปลายปี 2017 และปี 2018 เกิดขึ้นหลังเด็กจำนวนหลายสิบคนที่ได้รับวัคซีนเดงวากีตามโครงการสร้างภูมิคุ้มกันทั่วประเทศเกิดเสียชีวิต ซึ่งทางบริษัทซาโนฟี ปาเตอร์ออกมายอมรับว่า วัคซีนอาจทำให้เด็กบางส่วนมีความเสี่ยงมากขึ้น
แต่ทว่าในเวลานี้วัคซีนเดงวากีเป็นวัคซีนโรคไข้เลือดออกเดงกีเพียงตัวเดียวที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก WHO ได้ออกคำแนะนำว่า ควรแจกจ่ายเฉพาะในพื้นที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้นต่อกลุ่มที่ได้รับเชื้อไวรัสเดงกีแล้ว ซึ่งวัคซีนตัวนี้ถูกใช้น้อยมากในโครงการเสริมภูมิคุ้มกันทั่วประเทศ
ปีที่แล้วรัฐบาลมะนิลาได้ยกเลิกโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกเดงกีชั่วคราว และได้เปิดการสอบสวนวัคซีนเดงวาเซีย องค์การอาหารและยาฟิลิปิปนส์ FDA ตรวจพบว่าบริษัทยาฝรั่งเศสแห่งนี้เพิกเฉยต่อกฎเกณและข้อกำหนดของรัฐบาลฟิลิปปินส์โดยสิ้นเชิง และทำให้ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ รัฐบาลมะนิลาตัดสินใจออกคำสั่งห้ามวัคซีนเดงวาเซีย
รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์กล่าวว่า วัคซีนเดงวาเซียไม่สามารถถูกใช้ต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอายุ 5 – 9 ปี อ้างอิงจาก WHO ปัจจุบันนี้วัคซีนตัวนี้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ใน 20 ประเทศ ถูกอนุญาตให้ใช้ในกลุ่มอายุ 9 ปีขึ้นไป
ดุคยังเปิดเผยว่าหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติได้แนะนำฟิลิปปินส์ว่า วัคซีนเดงวาเซียไม่สามารถใช้เพื่อรับมือภาวะการระบาดโรคได้ และเขากล่าวต่อว่า วัคซีนตัวนี้มีราคาแพงตกที่ 20 ดอลลาร์ต่อโดส