รอยเตอร์ - กระทรวงพาณิชย์จีนในวันอังคาร (5 ส.ค.) เปิดเผยว่าบริษัทต่างๆ ของจีนได้หยุดซื้อสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขู่ว่าปักกิ่งยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่จะกำหนดมาตรการรีดภาษีผลิตภัณฑ์จากฟาร์มอเมริกาที่ซื้อหลังจากวันที่ 3 สิงหาคม
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นตัวแทนล่าสุดของข้อพิพาททางการค้าที่ลุกลามบานปลายระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และมีขึ้นหลังจาก จีน ปล่อยให้สกุลเงินหยวนอ่อนค่าในระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ในวันจันทร์ (5 ส.ค.) ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งทศวรรษ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โวยวายเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (1 ส.ค.) ว่าปักกิ่งไม่ทำตามสัญญาว่าจะซื้อสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐฯ ในปริมาณมากและประกาศกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ เป็นผลให้ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างจีนและอเมริกาพังครืนลงอย่างฉับพลัน
ในวันจันทร์ (5 ส.ค.) ซีซีทีวี สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐจีน รายงานโดยอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ระบุคำกล่าวหาของทรัมป์นั้น “ไม่มีมูล”
ด้วยจีนคือผู้ซื้อถั่วเหลืองรายใหญ่ของโลก และถั่วเหลืองเป็นพืชผลส่งออกที่มีมูลค่ามากสุดของสหรัฐฯ รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์จึงต้องแถลงแผนใช้งประมาณสูงสุด 2,800 ล้านดอลลาร์ สำหรับชดเชยแก่เกษตรกรสหรัฐฯที่สูญเสียรายได้จากข้อพิพาททางการค้า ขณะที่เกษตรกรถือเป็นฐานเสียงสำคัญของทรัมป์
“บริษัทต่างๆ ของจีนที่เกี่ยวข้องได้ระงับซื้อสินค้าการเกษตรของสหรัฐฯ แล้ว” กระทรวงพาณิชย์จีนระบุในถ้อยแถลงที่โพสต์ไม่นานหลังผ่านพ้นเที่ยงคืนของวันเช้าวันอังคาร (6 ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น โดยในถ้อยแถลงจีนแสดงความหวังว่าสหรัฐฯ จะทำตามสัญญาและสร้างสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับความร่วมมือทวิภาคี
จากข้อมูลของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติ ระบุจีนซื้อถั่วเหลือง 130,000 ตัน, ข้าวฟ่าง 120,000 ตัน, ข้าวสาลี 60,000 ตัน, เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู 40,000 ตันและฝ้าย 25,000 ตันจากสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม ถึง 2 สิงหาคม
โดยรวมแล้ว จีนซื้อสินค้าทางการเกษตรในฤดูกาลเก็บเกี่ยวปีที่แล้ว 14.3 ล้านตัน ถือว่าน้อยที่สุดในรอบ 11 ปี และยังเหลืออีกราว 3.7 ล้านตันที่ยังรอการส่งมอบ ขณะที่จีนเคยซื้อถั่วเหลืองของอเมริกาถึง 32.9 ล้านตันในปี 2017 ก่อนสงครามการค้าจะปะทุขึ้น