เอเจนซีส์ - ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หั่นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษตามคาดหมาย รวมทั้งยกเลิกมาตรการคุมเข้มเชิงปริมาณก่อนกำหนด แต่ย้ำชัดว่า นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นซีรี่ส์การลดต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวเพื่อประคองเศรษฐกิจจากความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และสงครามการค้าจีน-อเมริกาที่การเจรจาล่าสุดจบลงโดยปราศจากข้อตกลงใดๆ นอกจากนัดถกกันต่อเดือนหน้า ขณะที่ทรัมป์ไม่รอช้าขยี้ประธานเฟดตัดสินใจน่าผิดหวัง
ในการแถลงเมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) ภายหลังการประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติให้หั่นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด อ้างอิงสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ความตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯ และความกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงว่า เป็นเหตุผลในการตัดสินใจลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของเฟด นับจากปี 2008 รวมทั้งยุติการถือครองพันธบัตรมูลค่ามหาศาลก่อนกำหนด
พาวเวลล์บอกว่า นี่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของมาตรการลดดอกเบี้ยระยะยาว แต่ก็ไม่ใช่ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยแค่ครั้งเดียว
ถึงแม้เฟดได้ทำตามสิ่งที่ตลาดการเงินคาดการณ์อย่างกว้างขวาง นั่นคือลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยชั่วข้ามคืนลง 0.25% มาอยู่ที่ 2-2.25% แต่เทรดเดอร์มากมายคาดหวังที่จะได้รับการยืนยันชัดเจนว่า จะมีการหั่นดอกเบี้ยอีกในอนาคต ดังนั้น จึงยังคงรู้สึกผิดหวังและส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงกราวระหว่างการแถลงข่าวของพาวเวลล์
สำหรับคำแถลงของเฟดเกี่ยวกับผลการประชุมคราวนี้นั้น ระบุว่า จะจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดและดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อรักษาการขยายตัวอย่างยั่งยืน
กระนั้น การตัดสินใจลดดอกเบี้ยครั้งนี้ก็ได้รับการคัดค้านจากประธานเฟดสาขาบอสตันและสาขาแคนซัสซิตี้ที่ต่างเห็นว่า ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังคงขยายตัว ขณะที่อัตราว่างงานใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเข้มแข็ง ดังนั้นจึงควรคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่พยายามกดดันอย่างก้าวร้าวมาตลอดให้พาวเวลล์ลดดอกเบี้ยลงเยอะๆ ภายหลังการขยับล่าสุดของเฟด เขาก็ยังไม่เลิกค่อนแคะโดยบอกว่า ประธานเฟดทำให้ตลาดผิดหวัง จากที่ประกาศชัดเจนว่านี่ยังไม่ใช่จุดเริ่มต้นของมาตรการลดดอกเบี้ยเชิงรุกระยะยาวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของจีน สหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พาวเวลล์และเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ต่างพยายามเดินสายกลางด้วยการเตือนถึงปัจจัยเสี่ยง เช่น ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการค้าโลก อัตราเงินเฟ้อต่ำ และเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า พื้นฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
คำแถลงของเฟดระบุว่า เฟดยังคงมองว่า สำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้น ตลาดแรงงานเข้มแข็งและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัว แต่ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้จ่ายภาคธุรกิจวูบลง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสำทับว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยปรับอัตราเงินเฟ้อให้กลับไปอยู่ที่เป้าหมาย 2% กระนั้น แนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่แน่นอน แต่มีแนวโน้มสูงสุดว่า กิจกรรมเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปและตลาดแรงงานแข็งแกร่ง
เฟดยังตอกย้ำการตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายอย่างครอบคลุมด้วยการยุติการถือครองพันธบัตรมูลค่า 3.6 ล้านล้านดอลลาร์เริ่มจากวันพุธ หรือก่อนกำหนด 2 เดือน โดยโครงการนี้เริ่มต้นหลังวิกฤตการเงินโลกปี 2008 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ช่วงหลายเดือนมานี้เฟดเริ่มปล่อยให้พันธบัตรบางส่วนหมดอายุแทนการซื้อเพิ่ม
ทรัมป์เห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้โดยบอกว่า อย่างน้อยก็เป็นการสิ้นสุดมาตรการเข้มงวดทางการเงินเชิงปริมาณ (คิวอี)
เจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
เรื่องความตึงเครียดทางการค้า ที่คำแถลงของเฟดพาดพิงถึงนี้น ก็คือ ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งเพิ่งเปิดการหารือะะหว่างผู้แทนเจรจาระดับสูงกันที่เซี่ยงไฮ้เมื่อวันอังคารและพุธ (30-31 ก.ค.) ที่ผ่านมา เพื่อพยายามยุติสงครามการค้า ปรากฏว่าการหารือจบลงโดยที่ต่างฝ่ายต่างระบุว่า การหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีการตกลงนัดถกกันใหม่ในเดือนนี้
แหล่งข่าวในวอชิงตันระบุว่า การเลื่อนเวลาออกไปก็เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายลงมือทำในสิ่งที่รับปากไว้ โดยที่ทำเนียบขาวแถลงว่า ระหว่างการหารือที่เซี่ยงไฮ้ ทางฝ่ายจีนที่นำโดยรองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ ย้ำคำมั่นในการสั่งซื้อสินค้าเกษตรอเมริกันเพิ่ม
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างจริงใจ มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกด้านปัญหาเศรษฐกิจและการค้าที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งเรื่องที่จีนจะซื้อสินค้าเกษตรอเมริกัน แต่ไม่ได้ระบุว่า มีการตกลงกันเรื่องนี้หรือไม่
หู สีจิน บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์โกลบัลไทมส์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทวิตว่า คณะเจรจาหารือเรื่องการสั่งซื้อสินค้าเกษตรอเมริกันเพิ่ม และอเมริกาตกลงสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวย
โกลบัลไทมส์ยังเรียกร้องให้วอชิงตันปฏิบัติตามสัญญาในการยกเลิกการแซงก์ชันหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ เพื่อฟื้นความไว้วางใจที่เปราะบางระหว่างสองประเทศ
การหารือครั้งนี้ที่ทางฝั่งอเมริกานำทีมโดยโรเบิร์ต ไลต์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และรัฐมนตรีคลัง สตีเวน มนูชินนั้น ถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกนับจากที่ทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน พบกันในเดือนมิถุนายนและตกลงฟื้นการเจรจาที่หยุดชะงักซึ่งส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายงัดมาตรการภาษีศุลกากรห้ำหั่นกันรวมมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์