รอยเตอร์ – รัฐบาลเกาหลีใต้มีแผนส่งหน่วยปฏิบัติการทางทะเลพร้อมเรือพิฆาต 1 ลำไปยังตะวันออกกลาง เพื่อปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนและคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซร่วมกับสหรัฐฯ สื่อเกาหลีใต้รายงานวันนี้ (29 ก.ค.)
ความสัมพันธ์อิหร่าน-สหรัฐฯ ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่วอชิงตันประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ และรื้อฟื้นบทลงโทษทางเศรษฐกิจต่อเตหะรานเมื่อปีที่แล้ว
เหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซนอกชายฝั่งอิหร่านที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ยังทำให้สหรัฐฯ ประกาศตั้งกลุ่มความร่วมมือทางทหาร เพื่อปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงทางทะเลบริเวณช่องแคบซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันดิบราว 1 ใน 5 ออกสู่ตลาดโลก
หนังสือพิมพ์ธุรกิจแมคยุงของเกาหลีใต้อ้างแหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาลโซล ซึ่งยืนยันว่า เกาหลีใต้ตัดสินใจที่จะส่งหน่วยต่อต้านโจรสลัด “ชองแฮ” (Cheonghae) ซึ่งเวลานี้ปฏิบัติการอยู่นอกชายฝั่งโซมาเลียไปยังช่องแคบฮอร์มุซ และอาจจะรวมถึงเฮลิคอปเตอร์อีกหลายลำด้วย
ด้านกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุเพียงว่า รัฐบาลกำลังมองหามาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องเรือสินค้าในน่านน้ำแถบนั้น แต่ยังไม่มีการตัดสินใจอะไร
“เราจำเป็นต้องให้ความคุ้มกันแก่เรือของเราที่ล่องผ่านช่องแคบฮอร์มุซอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ดังนั้น เราจึงพิจารณาความเป็นไปได้หลายอย่าง” โร แจชอน รองโฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุในงานแถลงข่าววันนี้ (29)
ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลีย และชาติอื่นๆ ร่วมมือกับอเมริกาในการนี้
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ระหว่างไปเยือนกรุงโซลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ โร ยืนยันว่าทางสหรัฐฯ ยังไม่ได้ร้องขออย่างเป็นทางการ
สำหรับหน่วย ‘ชองแฮ’ นั้นถูกส่งไปประจำการที่อ่าวเอเดนตั้งแต่ปี 2009 เพื่อปฏิบัติภารกิจปราบปรามโจรสลัดร่วมกับกลุ่มชาติแอฟริกา, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
ข้อมูลจากสมุดปกขาวของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ในปี 2018 ระบุว่า หน่วยชองแฮสมาชิกรวมทั้งหมด 302 นาย ออกปฏิบัติการโดยเรือพิฆาตระวางขับน้ำ 4,500 ตัน รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ต่อต้านเรือดำน้ำลิงซ์ (Lynx) 1 ลำ และเรือเร็วอีก 3 ลำ