รอยเตอร์ - บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แถลงต่อรัฐสภาวานนี้ (25 ก.ค.) ว่าการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปหรือ ‘เบร็กซิต’ จะทำให้เมืองผู้ดีกลายเป็นประเทศที่ ‘ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก’
จอห์นสัน ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทรัมป์แห่งอังกฤษ’ ยังให้สัญญาว่าจะเจรจาข้อตกลงถอนตัวฉบับใหม่กับอียู และพลิกฟื้นเศรษฐกิจเมืองผู้ดีซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกให้กลับมาคึกคักหลังจากที่เผชิญภาวะอึมครึมในยุคของ เทเรซา เมย์
ทันทีที่ย่างเท้าเข้าสู่ทำเนียบดาวนิงสตรีทเมื่อวันพุธ (24) จอห์นสัน วัย 55 ปี ก็ประกาศกร้าวว่าจะทำข้อตกลงเบร็กซิตใหม่ และหากอียูปฏิเสธ ตนก็จะนำอังกฤษถอนตัวในวันที่ 31 ต.ค. แบบไม่ต้องมีแผนรองรับใดๆ
“ภารกิจของเราคือการทำเบร็กซิตให้เกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. เพื่อรวบรวมและเติมพลังให้แก่สหราชอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และทำให้ประเทศแห่งนี้กลายเป็นดินแดนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” จอห์นสัน กล่าว
เขาระบุว่า อังกฤษจะกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในสหภาพยุโรป โดยมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่โตกว่าฝรั่งเศสและเยอรมนีภายในปี 2050 และให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ลูกหลานชาวอังกฤษ “มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น มีความสุข มีสุขภาพที่ดี และมีฐานะร่ำรวยขึ้น”
จอห์นสัน เชื่อว่าความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวงจากสถานการณ์ ‘โนดีล’ น่าจะทำให้ฝรั่งเศสและเยอรมนียอมอ่อนข้อ และปรับแก้ข้อตกลงที่ทำไว้กับรัฐบาล เมย์ เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว
เขายืนยันต่อรัฐสภาว่าอังกฤษจะไม่ยอมรับมาตรการแบ็คสต็อป (backstop) ซึ่งหมายถึงกลไกรับรองว่าจะไม่มีการตั้งด่านศุลกากรและคนเข้าเมืองระหว่างไอร์แลนด์ซึ่งต้องการเป็นส่วนหนึ่งของอียู กับไอร์แลนด์เหนือซึ่งจะถอนตัวไปพร้อมกับสหราชอาณาจักร
ด้าน ไมเคิล บาร์นิเยร์ ผู้แทนเจรจาเบร็กซิตฝ่ายอียู ออกมาปฏิเสธเงื่อนไขนี้ทันที ขณะที่ ฌ็อง-โคลด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็ได้โทรศัพท์พูดคุยกับ จอห์นสัน เพื่อเตือนว่าข้อตกลงระหว่างอียูกับรัฐบาล เมย์ เมื่อปีที่แล้วเป็น “ทางออกที่ดีที่สุดเพียงทางเดียว”
อย่างไรก็ตาม จอห์นสัน ไม่ยอมลดราวาศอก และยืนยันกับ ยุงเกอร์ ว่าจะต้องไม่มีมาตรการแบ็คสต็อปอยู่ในข้อตกลง โฆษกสำนักนายกฯ อังกฤษเผย
ทั้งนี้ หากผู้นำอียูไม่เล่นด้วย ซึ่งเท่ากับว่า จอห์นสัน จะต้องนำอังกฤษถอนตัวแบบไร้ข้อตกลงจริงๆ ส.ส.พรรคคอนเซอร์เวทีฟหลายคนก็ออกมาขู่แล้วว่าจะยอมเป็น ‘ขบถ’ เพื่อขัดขวางการนำประเทศดำดิ่งลงสู่ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่
