xs
xsm
sm
md
lg

'นิสสัน'ยืนยันแล้วปลด12,500 คนทั่วโลก ส่วน'โบอิ้ง'วิกฤต'แม็กซ์'ทำขาดทุนร่วม$3พันล.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 ฮิโรโตะ ซาอิกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ)ของนิสสัน เปิดแถลงข่าวรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่สำนักงานใหญ๋ของบริษัทในเมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันพฤหัสบดี(25ก.ค.)
เอเจนซีส์ - “นิสสัน”ประกาศข่าวร้าย ปลดพนักงาน 12,500 คนทั่วโลก หลังกำไรไตรมาสที่ผ่านมาดิ่งฮวบเกือบ 100% กระนั้น อาจถือว่า ยังดีกว่าสถานการณ์ของ “โบอิ้ง”ที่พลิกผันจากกำไรหลักพันล้านช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เป็นขาดทุนเฉียด 3,000 ล้านดอลลาร์ ปัญหาใหญ่จากโศกนาฏกรรม “737 แม็กซ์” แถมยอมรับว่าหากเครื่องบินรุ่นนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินในระยะเวลาอันใกล้ บริษัทอาจต้องระงับการผลิตชั่วคราวซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

ในวันพฤหัสบดี (25 ก.ค.) นิสสัน มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขสองของญี่ปุ่น แถลงแผนการปลดพนักงาน 12,500 คนทั่วโลกภายในปี 2022 จากพนักงานทั้งหมด 138,000 คน (ข้อมูลจนถึงเดือนมีนาคม 2018) และจะลดกำลังผลิตและสายการผลิตทั่วโลกลง 10% ภายในสิ้นปีการเงิน 2022

นิสสันยังรายงานว่า ไตรมาสแรกของปีการเงินนี้ (เม.ย.-มิ.ย. 2019) บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานดิ่งลงถึง 98.5% เหลือ 14.80 ล้านดอลลาร์ จาก 1,009 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เพราะอเมริกาเหนือซึ่งเป็นตลาดหลักยังคงประสบปัญหาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากการที่ต้องลดราคาสู้กับคู่แข่ง นอกจากนั้นการหั่นราคาอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อกระตุ้นยอดขายยังทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ของนิสสันด้อยค่าลง และราคาขายต่อก็ตก

ไตรมาสอันน่าผิดหวังนี้เพิ่มความกดดันให้ ฮิโรโตะ ซาอิกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ที่กำลังรับบทหนักในการพลิกฟื้นผลงานของบริษัทท่ามกลางข่าวฉาวเกี่ยวกับคาร์ลอส โกส์น อดีตประธานกรรมการที่ถูกกล่าวหาประพฤติมิชอบด้านการเงิน

คำแถลงของนิสสันระบุอีกว่า ศักยภาพการทำกำไรของบริษัทได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงและปัจจัยภายนอก เช่น ต้นทุนวัตถุดิบ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการลงทุนเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของทางการ

อย่างไรก็ตาม นิสสันคงการคาดการณ์ผลกำไร 2,126 ล้านดอลลาร์ในตลอดปีการเงินปัจจุบัน (เม.ย.2019-มี.ค.2020) หรือลดลงจากปีการเงินที่แล้ว 28% และถือเป็นสถิติต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ
เครื่องบินโบอื้ง737แม็กซ์ จอดอยู่ ณ ลานจอดแห่งหนึ่งของโบอิ้งในซีแอตเทิล สหรัฐฯ นับตั้งแต่ถูกสั่งงดบินทั่วโลก ขณะที่ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่แห่งนี้ รายงานยอดขาดทุนสูงสุดทำสถิติถึง 2,900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2019) เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีกำไร 2,200 ล้านดอลลาร์
ในอีกด้านหนึ่ง ที่อเมริกา โบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ รายงานยอดขาดทุนสูงสุดทำสถิติถึง 2,900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย. 2019) เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีกำไร 2,200 ล้านดอลลาร์

ผลประกอบการนี้ที่แถลงเมื่อวันพุธ (24) นี้ ไม่ทำให้ตลาดประหลาดใจอะไรนัก หลังจากสัปดาห์ที่แล้วบริษัทประกาศกันงบประมาณ 4,900 ล้านดอลลาร์หลังหักภาษีสำหรับชดเชยสายการบินต่างๆ ที่ต้องระงับเที่ยวบินที่ให้บริการโดย 737 แม็กซ์ และความล่าช้าในการส่งมอบเครื่องบิน

ขณะเดียวกัน รายได้ในไตรมาส 2 นี้ก็ดิ่งลงถึง 35.1% อยู่ที่ 15,800 ล้านดอลลาร์ สะท้อนผลกระทบรุนแรงจากการระงับการส่งมอบ 737 แม็กซ์

ชะตากรรมของโบอิ้งพลิกผันนับจากแม็กซ์ถูกระงับขึ้นบินทั่วโลกในเดือนมีนาคม ภายหลังเครื่องบินรุ่นนี้ประสบอุบัติเหตุตก 2 ครั้ง ที่อินโดนีเซียและที่เอธิโอเปีย ซึ่งทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตรวม 346 คน

เดนนิส มุยเลนเบิร์ก ซีอีโอของโบอิ้ง กล่าวว่า การทำให้แม็กซ์กลับมาให้บริการใหม่ได้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง และยังไม่มีกรอบเวลาชัดเจน ก่อนสำทับว่า หากกรณีนี้ยืดเยื้อนานมาก บริษัทอาจต้องระงับการผลิตชั่วคราว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

ในเดือนเมษายน โบอิ้งลดการผลิตแม็กซ์เหลือเดือนละ 42 ลำ จาก 52 ลำ แต่ยังไม่มีการส่งมอบจนกว่า ทางการจะอนุญาตให้เครื่องบินรุ่นนี้กลับขึ้นบิน

วิกฤตการณ์แม็กซ์ส่งผลต่อเศรษฐกิจอเมริกาทั้งในแง่ผลผลิตอุตสาหกรรมและการส่งออกลดลง ซึ่งพลอยทำให้ยอดขาดดุลการค้าที่มีความอ่อนไหวทางการเมืองพุ่งขึ้น และการเติบโตชะลอลง

สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังกล่าวเมื่อวันพุธ (24) ว่า กรณีแม็กซ์เป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของทำเนียบขาว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องมั่นใจได้ว่า เครื่องบินรุ่นนี้ปลอดภัยที่จะขึ้นบิน นอกจากนั้น รัฐบาลยังต้องการตรวจสอบว่า แม็กซ์จะแข่งขันกับแอร์บัสของยุโรปต่อไปอย่างไร เนื่องจากโบอิ้งเป็นบริษัทเครื่องบินชั้นนำของอเมริกา

ทั้งนี้ มุยเลนเบิร์กระบุว่า บริษัทติดต่อกับสำนักงานบริหารการบินของรัฐบาลสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) ทุกวันและยังคงหวังว่า จะส่งมอบชุดซอฟต์แวร์แก้ไขปัญหาระบบจัดการการบิน “เอ็มแคส” ที่เชื่อมโยงกับอุบัติเหตุทั้งสองครั้ง ให้เอฟเอเอในเดือนกันยายน และหวังว่า จะได้รับอนุมัติในเดือนถัดไป แต่สำทับว่า กรอบเวลานี้สามารถยืดหยุ่นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น