รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ส่งเรือลาดตระเวนผ่านเข้าไปยังช่องแคบไต้หวันอีกครั้งในวันพุธ (24 ก.ค.) ในภารกิจสำแดงเสรีภาพซึ่งเป็นการท้าทายอิทธิพลของจีน ท่ามกลางสายสัมพันธ์ที่ตึงเครียดจากวิกฤตสงครามการค้า
สถานะของไต้หวันเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความบาดหมางระหว่างจีนกับสหรัฐฯ นอกเหนือไปจากเรื่องสงครามการค้า, มาตรการคว่ำบาตร และการที่จีนสยายอิทธิพลทางทหารในทะเลจีนใต้ ซึ่งทำให้ต้องเผชิญหน้ากับอเมริกาที่ยังคงส่งเรือออกสำแดงเสรีภาพในน่านน้ำแถบนี้อยู่เนืองๆ
รัฐบาลจีนออกมาเตือนวานนี้ (24) ว่า “พร้อมทำสงคราม” หากมีความพยายามแยกไต้หวันเป็นประเทศเอกราช พร้อมทั้งกล่าวหาอเมริกาว่าเป็นตัวการบ่อนทำลายเสถียรภาพของโลก
เรือที่สหรัฐฯ ส่งไปปฏิบัติการในช่องแคบซึ่งมีความกว้างราว 180 กิโลเมตรระหว่างจีนกับไต้หวัน ได้แก่ เรือลาดตระเวนติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส แอนทีแทม (USS Antietam)
“การนำเรือล่องผ่านช่องแคบไต้หวันสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมีความเสรีและเปิดกว้าง” นาวาตรี เคลย์ ดอสส์ โฆษกประจำกองเรือที่ 7 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุ
แม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะกระตุ้นความบาดหมางกับปักกิ่ง แต่สำหรับไต้หวันแล้วนี่คือสัญญาณบ่งบอกถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในยามที่สายสัมพันธ์ปักกิ่ง-ไทเปไม่สู้ดี
แม้จะไม่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต แต่สหรัฐฯ มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องให้ความคุ้มกันแก่ไต้หวัน และยังเป็นซัพพลายเออร์อาวุธให้ด้วย
กระทรวงกลาโหมไต้หวันยืนยันว่า เรือของสหรัฐฯ ได้ล่องผ่านช่องแคบมุ่งไปทางทิศเหนือในปฏิบัติการสำแดงเสรีภาพ ซึ่งกองทัพไต้หวันได้เฝ้าติดตามดูอย่างใกล้ชิด
ปักกิ่งเริ่มใช้มาตรการกดดันเพื่ออ้างอธิปไตยเหนือไต้หวันมากขึ้นเรื่อยๆ และยืนยันมาโดยตลอดว่าเกาะแห่งนี้เป็นเพียง ‘มณฑล’ และ ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ส่วนหนึ่งของจีนภายใต้หลักจีนเดียว (One China)
อู่ เชียน (Wu Qian) โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน ได้แถลงเปิดตัวสมุดปกขาวกลาโหมซึ่งรัฐบาลจีนไม่ได้ออกมาเป็นเวลาหลายปีเมื่อวานนี้ (24) พร้อมยืนยันว่าปักกิ่งจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรวบรวมไต้หวันกลับมาเป็นชาติเดียวกันอย่างสันติ
“ถ้ามีใครกล้าแบ่งแยกไต้หวัน กองทัพจีนก็พร้อมที่จะทำสงครามเพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย เอกภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดนจีน” อู่ กล่าว
จีนได้ส่งเครื่องบินทหารและกองเรือไปซ้อมรบเฉียดเกาะไต้หวันบ่อยขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังเดินเกมโน้มน้าวประเทศต่างๆ ให้ตัดสัมพันธ์กับไทเป ทำให้เวลานี้ไต้หวันเหลือพันธมิตรทางการทูตอยู่แค่ไม่กี่ราย