รัสเซียทูเดย์ - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 32 รายในรัฐอุตตรประเทศ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากทั่วอินเดีย จากการถูกฟ้าผ่า เหตุการณ์ทางสภาพอากาศที่เข่นฆ่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประเทศแห่งนี้ ด้วยแต่ละปีจะมีชาวบ้านตายจากการถูกฟ้าผ่ามากกว่า 2,500 คน
เจ้าหน้าที่รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ว่าฟ้าผ่าคร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 32 รายตามเมืองและเขตต่างๆภายในรัฐอุตตรประเทศ ทางเหนือของอินเดีย ขณะที่ โยกี อดิตยานาธ มุขมนตรีแห่งรัฐอุตตรประเทศ เผยแพร่ถ้อยแถลงแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตและสั่งการให้องค์การบริหารท้องถิ่นมอบเงินชดเชยแก่ญาติผู้เสียชีวิต
ในวันเดียวกัน แรงงานอย่างน้อย 26 คนตามไร่นาในรัฐราชสถาน ซึ่งทางเหนือของอินเดียเช่นกัน ได้รับบาดเจ็บจากเหตุฟ้าผ่าในเขตพาลี โดยแรงงานที่ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ต่อมามีอยู่ 18 คนที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนที่เหลือเป็นคนงานหญิง 8 คนยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
เหตุการณ์นี้มีขึ้น 2 วันหลังจากเกิดฟ้าผ่าคร่าชีวิตผู้คน 9 ศพ ในนั้นเป็นเด็กถึง 8 ราย ในรัฐพิหาร ตามแนวชายแดนติดกับเนปาล โดยเหยื่อเป็นสมาชิกของชุมชนมุซาฮาร์
อนึ่ง ชาวมุซาฮาร์ซึ่งมีความหมายว่า “กินหนู” นี้ เป็นกลุ่มชนที่ถูกจัดให้อยู่ในวรรณะมหาจัณฑาล (Maha Dalit) ซึ่งเป็นวรรณะที่อยู่ต่ำที่สุดของสังคมอินเดีย และต่ำกว่าวรรณะจัณฑาล (Dalit) ที่ยังสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพสานไม้ไผ่ขาย หรือทำงานเป็นคนงานทำความสะอาดได้ แต่ มหาจัณฑาลนั้นกลับถูกสังคมกีดกันจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ รวมทั้งถูกกีดกันจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้หมู่บ้านของพวกเขายังคงล้าหลังและยากจน ต้องอาศัยการออกล่าหนูเป็นอาหารเพื่อยังชีพมานานกว่า 150 ปี
เหตุฟ้าผ่าเกิดขึ้นเป็นปกติอย่างมากในอินเดีย โดยเฉพาะระหว่างฤดูมรสุม ช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนตุลาคม และข้อเท็จจริงคือในแต่ละปี มีผู้คนเสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่าในอินเดีย มากกว่าภัยพิบัติสภาพอากาศเลวร้ายรูปแบบอื่นๆ ในนั้นรวมถึงจะเป็นอุทกภัยหรือคลื่นความร้อน
ผลสำรวจเมื่อเร็วๆนี้พบว่าในบรรดาผู้เสียชีวิตทั้งหมดจากปรากฏการณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศระหว่างปี 2001 ถึง 2014 มีถึง 40% ที่ตายจากการถูกฟ้าผ่า พร้อมประมาณการว่าในแต่ละปีจะมีผู้ถูกฟ้าผ่าตายในอินเดียมากกว่า 2,500 คน