เอเจนซีส์ - ชาวฮ่องกงนับหมื่นเดินขบวนช่วงสุดสัปดาห์เป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน และมีแนวโน้มว่า การประท้วงต่อต้านรัฐบาลจะไม่จบลงง่ายๆ สอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าสถานการณ์บนเกาะแห่งนี้จะเลวร้ายลง ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงและปักกิ่งไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนข้อใดๆ
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาประชาชนหลายล้านคนชุมนุมแสดงพลังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพื่อต่อต้าน แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และกลายเป็นวิกฤตการเมืองร้ายแรงที่สุดนับจากที่อังกฤษส่งมอบเกาะแห่งนี้คืนแก่จีนเมื่อปี 1997 โดยเมื่อวันที่ 1 เดือนนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 22 ปีของการคืนเกาะฮ่องกง ผู้ประท้วงหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินในอาคารรัฐสภา
ในวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) ประชาชนหลายหมื่นคนเดินขบวนท่ามกลางสภาพอากาศร้อนอบอ้าวจาก วิกตอเรีย ปาร์ก ในย่านชอปปิ้ง คอสเวย์ เบย์ โดยมีจุดหมายปลายทางที่ศาลอุทธรณ์ในเขตธุรกิจกลาง ใกล้กับบริเวณที่ตำรวจยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาใส่นักเคลื่อนไหวเมื่อเดือนที่แล้ว
แต่ผู้ชุมนุมไปได้แค่หว่านไจ๋เท่านั้น เนื่องจากถูกตำรวจกั้นไว้ โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังนำเครื่องกีดขวางขนาดใหญ่ไปตั้งล้อมรอบอาคารรัฐบาลและสำนักงานตำรวจ
ขณะเดียวกัน แม้การเดินขบวนส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่เมื่อคืนวันเสาร์ (20 ก.ค.) ได้เกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่งกับตำรวจ
การประท้วงล่าสุดซึ่งถือเป็นสุดสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน เกิดขึ้นหลังจากมีประชาชนหลายหมื่นคนชุมนุมสนับสนุนตำรวจ ซึ่งถูกประชาชนอีกฝ่ายกล่าวหาว่าใช้กำลังเกินเหตุกับผู้ประท้วง
แม้ผู้ที่ร่วมเดินขบวนเมื่อวันอาทิตย์บางส่วนเรียกร้องให้ประชาชนมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งอย่างทั่วถึง แต่ข้อเรียกร้องหลักคือยกเลิกกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นการถาวร ที่อาจเปิดโอกาสให้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปให้จีนดำเนินคดี นอกจากนั้นยังมีข้อเรียกร้องยิบย่อยอื่นๆ เช่น ยกเลิกการกล่าวหาผู้ประท้วง และตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อร้องเรียนตำรวจใช้กำลังเกินเหตุ
ทั้งนี้ ภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งเป็นเงื่อนไขเมื่อครั้งอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนนั้น คนฮ่องกงจะมีเสรีภาพแบบที่คนจีนไม่เคยได้รับมาก่อน ซึ่งรวมถึงระบบตุลาการอิสระและสิทธิ์ในการประท้วง
อย่างไรก็ตาม การประท้วงหลายครั้งทำให้หลายพื้นที่ในย่านการเงินของฮ่องกงเป็นอัมพาต หน่วยงานราชการและห้างร้านมากมายต้องหยุดทำการ เจ้าหน้าที่ยังเตือนว่า ความวุ่นวายเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ในวันอาทิตย์ หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยแพร่บทความระบุว่า ถ้าความรุนแรงยังยืดเยื้อ ความมั่งคั่งและเสถียรภาพของฮ่องกงอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง
จีนนั้นประณามการก่อความรุนแรงว่า เป็นการท้าทายต่อหลักการหนึ่งประเทศ-สองระบบอย่างเปิดเผย ขณะเดียวกัน นอกจากการขอโทษของลัมและการประกาศว่า กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน “ตายแล้ว” มีสัญญาณน้อยมากว่า ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงและปักกิ่งจะยอมขยับเขยื้อนใดๆ อีก มิหนำซ้ำยังมีความกังวลกันว่า จีนอาจใกล้หมดความอดทน
ต้นสัปดาห์ที่แล้ว หนังสือพิมพ์ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ของฮ่องกง รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในแผ่นดินใหญ่ว่า ปักกิ่งกำลังร่างแผนจัดการกับฮ่องกงซึ่งเอนเอียงไปทางด้านเพิ่มการสนับสนุนลัมและตำรวจฮ่องกง มากกว่าการปลดชนวนความขึ้งโกรธของประชาชนเกี่ยวกับเสรีภาพที่ถูกลิดรอน
สตีฟ วิกเกอร์ส อดีตผู้บัญชาการแผนกสอบสวนคดีอาญาของสำนักงานตำรวจฮ่องกงก่อนที่อังกฤษจะส่งคืนให้จีน และปัจจุบันบริหารบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยง มองว่าสถานการณ์ของฮ่องกงมีแนวโน้มเลวร้ายลงในสัปดาห์ต่อไป เนื่องจากการแบ่งขั้วในสังคม และความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจจะเข้มข้นขึ้น
วิกเกอร์สเสริมว่า การประท้วงแบบสันติในขณะนี้จะค่อยๆ ก่อตัวเป็นความรุนแรงก่อนที่จะสงบลงเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป
สถานการณ์ในฮ่องกงตึงเครียดมากขึ้นหลังจากตำรวจเผยว่า เมื่อคืนวันศุกร์ (19 ก.ค.) ได้บุกค้นอาคารอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในย่านเชิงหว่าน และพบระเบิดและอาวุธจำนวนหนึ่ง พร้อมจับกุมผู้ต้องสงสัย 3 คน แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่าระเบิดที่พบเกี่ยวข้องกับการประท้วงหรือไม่