xs
xsm
sm
md
lg

Weekend Focus: ญี่ปุ่นเปิดศึกค้า ‘วัสดุไฮเทค’ กับเกาหลีใต้ แก้เผ็ดถูกสั่งชดเชย ‘แรงงานทาส’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ความบาดหมางทางประวัติศาสตร์ระหว่างสองเพื่อนบ้านเริ่มลุกลามไปสู่มิติด้านเศรษฐกิจ เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นสั่งคุมเข้มการส่งออกเคมีภัณฑ์ที่จำเป็นต่อการผลิตชิปและสมาร์ทโฟนไปยังเกาหลีใต้ เพื่อแก้เผ็ดที่ถูกเรียกร้องเงินชดเชยแรงงานทาสยุคสงคราม ขณะที่โซลเริ่มหาวิธีแก้จุดอ่อนของตัวเองด้วยการประกาศเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากแดนอาทิตย์อุทัย

การเผชิญหน้าครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากคำพิพากษาของศาลเกาหลีใต้เมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้วให้บริษัท นิปปอน สตีล จ่ายเงินชดเชยหลายล้านดอลลาร์แก่ชาวเกาหลีที่ถูกญี่ปุ่นบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่โตเกียวยืนยันว่า ข้อพิพาทเหล่านี้ได้คลี่คลายกันไปแล้วตั้งแต่ตอนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติในปี 1965

ญี่ปุ่นประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. ว่าจะเพิ่มมาตรการควบคุมการส่งออกเคมีภัณฑ์ 3 ชนิดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลิตสมาร์ทโฟนและชิปไปยังเกาหลีใต้ ได้แก่ ฟลูออริเนตพอลิอิมิดส์ (fluorinated polyimides) ซึ่งใช้ในการผลิตหน้าจอ, โฟโตเซนซิไทซิง เอเจนต์ รีซิสต์ (photosensitising agent resist) ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตชิป และไฮโดรเจนฟลูออไรด์ (hydrogen fluoride) ซึ่งใช้เป็นก๊าซกัดกรดในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์

มาตรการของญี่ปุ่นนับว่ามีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทเทคโนโลยีอย่าง ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และ เอสเค ไฮนิกซ์ ซึ่งส่งออกชิปให้แก่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลกอย่าง แอปเปิล อิงค์ และ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ทั้งยังแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ กำลังใช้ความเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองกับโซล

หนังสือพิมพ์ซันเกอิชิมบุนรายงานว่า ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตฟลูออริเนตพอลิอิมิดส์และรีซิสต์ประมาณ 90% และก๊าซกัดกรดถึง 70% ของโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้ผลิตชิปในเกาหลีใต้จะแสวงหาวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายอื่น

คำสั่งของโตเกียวมีผลทำให้ผู้ส่งออกญี่ปุ่นจะต้องยื่นหนังสือขออนุญาตจากรัฐบาลก่อนจะส่งสินค้าแต่ละล็อตไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งแต่ละครั้งก็จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 90 วัน นอกจากนี้ กระทรวงเศรษฐกิจ พาณิชย์ และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นยังเตรียมทำประชาพิจารณ์เพื่อถอดเกาหลีใต้ออกจากบัญชีประเทศ ‘สีขาว’ ซึ่งเผชิญข้อจำกัดการค้ากับญี่ปุ่นน้อยที่สุดด้วย

ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่นครั้งนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็วจากฝ่ายเกาหลีใต้ โดยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม ซุง ยุนโม ยืนยันว่าโซลจะใช้มาตรการตอบโต้ที่จำเป็น รวมถึงยื่นร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ว่าญี่ปุ่นละเมิดระเบียบการค้าสากล

ฮิโรชิเงะ เซโกะ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ขู่สำทับเมื่อวันอังคาร (9) ว่า ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของเกาหลีใต้ พร้อมยืนยันว่าโตเกียว “ไม่มีความคิดแม้แต่น้อย” ที่จะเพิกถอนมาตรการควบคุมส่งออก ซึ่งไม่ได้ขัดต่อระเบียบของ WTO แต่อย่างใด

สองชาติเพื่อนบ้านมีประวัติศาสตร์ที่ขมขื่นร่วมกันตั้งแต่ตอนที่กองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเข้ายึดครองคาบสมุทรเกาหลีในช่วงปี 1910-1945 และบังคับคนท้องถิ่นให้ไปเป็นแรงงานแก่บริษัทญี่ปุ่น ขณะที่สตรีจำนวนมากก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทาสบำเรอกามแก่ทหารจากแดนอาทิตย์อุทัย

สัปดาห์ที่แล้ว สมาชิกพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกฯ อาเบะ ออกมากล่าวหาเกาหลีใต้ว่าลักลอบส่งออก ‘ไฮโดรเจนฟลูออไรด์’ ที่นำเข้าจากญี่ปุ่นต่อไปยังเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติคว่ำบาตรที่นานาชาติใช้กับโสมแดง

สำหรับไฮโดรเจนฟลูออไรด์นั้นเป็นสารเคมีที่สามารถใช้ในกระบวนการผลิตอาวุธเคมีได้ โดยรัฐบาลโตเกียวอ้างว่าตรวจพบ “ความไม่ชอบมาพากล” ในกระบวนการควบคุมส่งออกของเกาหลีใต้ แต่ก็ไม่ให้รายละเอียดว่าคืออะไร

ประธานาธิบดี มุน แจอิน ของเกาหลีใต้ยืนยันว่า ข้อครหานี้ “ไม่มีมูล” พร้อมยอมรับว่าข้อพิพาทการค้ากับญี่ปุ่นคราวนี้อาจจะยืดเยื้อกว่าที่คิด

“เราปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์นี้อาจจะยืดเยื้อ แม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหาผ่านช่องทางการทูตก็ตาม” มุน กล่าวระหว่างประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารของกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ “มันเป็นสถานการณ์ที่น่าเสียใจ แต่เราก็ไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น”

ผู้นำโสมขาวยืนยันว่า รัฐบาลจะทุ่มงบอุดหนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมไฮเทคให้มากขึ้น เพื่อให้บริษัทเกาหลีใต้สามารถหาชิ้นส่วนอุปกรณ์และเครื่องไม้เครื่องมือได้เองภายในประเทศ

สหรัฐฯ ออกมาแสดงความกังวลต่อข้อพิพาทล่าสุดระหว่าง 2 พันธมิตรสำคัญในเอเชีย และเตรียมส่ง เดวิด สติลเวลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ไปเยือนทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเดือนนี้

เกาหลีใต้ยังได้หยิบยกการกระทำของญี่ปุ่นขึ้นมาหารือในที่ประชุม WTO เมื่อวันอังคาร (9) และได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปหารือกับสหรัฐฯ ที่วอชิงตันด้วย

เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นชี้แจงต่อ WTO ว่าญี่ปุ่นไม่ได้ใช้มาตรการปิดล้อมทางการค้า (trade embargo) ต่อเกาหลีใต้ ทว่าโตเกียวได้ศึกษาทบทวนแล้วว่าจำเป็นจะต้องควบคุมการส่งออกด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง และเพียงแต่ปรับขั้นตอนการค้ากับโสมขาวจากระดับ “ง่าย” (simplified) ขึ้นมาสู่ระดับ “ปกติ” (normal) เท่านั้น

คาซุโยชิ ไซโตะ นักวิเคราะห์ด้านชิปจากบริษัท อิวาอิคอสโม ซีเคียวริตีส์ ระบุว่า นโยบายของโตเกียวอาจส่งผลกระทบในระยะสั้นต่อผู้ผลิตในญี่ปุ่น ซึ่งส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้ราวๆ 10-20% ของยอดขายทั้งหมด ขณะที่บริษัทวิจัยด้านการตลาด IHS Markit เตือนว่าการกระทำของโตเกียวจะยิ่งกระพือความตึงเครียดทางการค้าในยามที่ผู้ส่งออกเอเชียเผชิญแรงบีบคั้นจากภาวะซบเซาของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์โลกอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการแก้แค้นของญี่ปุ่นมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะถึงวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งคาดกันว่าพรรค LDP ของนายกฯ อาเบะ และพรรคร่วมรัฐบาลจะกวาดที่นั่งส่วนใหญ่

ลี ยังแช อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเคอิเซนในกรุงโตเกียว มองว่าปัจจัยทางการเมืองมีส่วนสำคัญที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นเลือกใช้ ‘ยาแรง’ กับเกาหลีใต้ในช่วงนี้

“กลยุทธ์ที่จะช่วยให้รัฐบาลชนะเลือกตั้งก็คือ ต้องเอาอกเอาใจฐานเสียงอนุรักษนิยมของอาเบะ และเรียกคะแนนนิยมจากกลุ่ม swing voters ซึ่งไม่ฝักใฝ่พรรคใด ด้วยการชูนโยบายต่อต้านเกาหลีใต้และแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับเกาหลีใต้ ซึ่งดูเหมือนจะเวิร์คเสียด้วย” ลี ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น