อิหร่านโต้เปล่าสกัด'เรือน้ำมัน'ผู้ดีขณะอังกฤษคุยส่ง'เรือรบ'ไปช่วยไล่

เอเจนซีส์ - อังกฤษเผยในวันพฤหัสบดี (11 ก.ค.) เรืออิหร่าน 3 ลำพยายามสกัดเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัทบีพี ขณะแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ แต่ได้ถอยผละจากไปเมื่อเรือรบราชนาวีอังกฤษลำหนึ่งแล่นเข้ามาช่วย ด้านเตหะรานปฏิเสธทันควัน แถมขู่ลอนดอน-วอชิงตันต้องเสียใจที่ยึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านนอกชายฝั่งยิบรอลตาร์สัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ก่อนหน้านั้นทรัมป์ขู่เพิ่มมาตรการแซงก์ชันอิหร่านเร็วๆ นี้ ส่วนรัสเซียฟันธงว่า สาเหตุของความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวงในอ่าวเปอร์เซียขณะนี้เกิดจากการวางแผนมาเป็นอย่างดีของอเมริกา

การเผชิญหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนเมื่อวันพุธ (10) ว่า อเมริกาจะเพิ่มมาตรการแซงก์ชันอย่างรุนแรงเร็วๆ นี้ เพื่อจำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์และพฤติกรรมก้าวร้าวในตะวันออกกลางของอิหร่าน

ที่ลอนดอน กระทรวงกลาโหมอังกฤษแถลงในวันพฤหัสฯ (11) ว่า เรืออิหร่าน 3 ลำพยายาม “กีดขวาง” เรือบรรทุกน้ำมัน “บริติช เฮอริเทจ” ของบริษัทน้ำมันบีพีของอังกฤษ ระหว่างเดินทางผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ แต่เมื่อ เรือรบเอชเอ็มเอส มอนโทรสของกองทัพอังกฤษแล่นเข้าไปขัดขวาง พร้อมประกาศเตือน เรือเหล่านั้นจึงได้ล่าถอยไป

อังกฤษยังเรียกร้องให้ทางการอิหร่านทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง

ทว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติซึ่งเป็นองค์กรความมั่นคงทรงอิทธิพลของอิหร่านและถูกอเมริกากล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันหลายครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ยืนยันว่า ไม่ได้เผชิญหน้ากับเรือของต่างชาติเลยตลอด 24 ชั่วโมงล่าสุด

โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน วิจารณ์ว่า คำแถลงของอังกฤษ “ไร้สาระ”

นอกจากนั้น สำนักข่าวทัสนิมของอิหร่านยังรายงานว่า ในวันพฤหัสฯ พลเรือตรีอาลี ฟาดาวี รองผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติของอิหร่าน เตือนว่า อังกฤษและอเมริกาจะต้องเสียใจที่ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านไว้ โดยจะมีการประกาศมาตรการตอบโต้ต่อไป

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานีของอิหร่าน ขู่ว่า ลอนดอนจะต้องรับผลจากการยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านนอกชายฝั่งยิบรอลตาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ในยิบรอลตาร์ซึ่งเป็นดินแดนของอังกฤษที่อยู่ทางใต้สุดของสเปน ระบุว่ายึดเรือลำดังกล่าวไว้เนื่องจากเชื่อว่ากำลังมุ่งหน้าขนน้ำมันไปส่งให้ซีเรีย ซึ่งเป็นสิ่งที่สหภาพยุโรป (อียู) แซงก์ชัน ขณะที่อิหร่านเองก็อยู่ภายใต้มาตรการแซงก์ชันของอเมริกา ห้ามค้าขายน้ำมันให้ประเทศใดๆ

ในวันจันทร์ (1) อิหร่านเพิ่งประกาศว่า เพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมเกินขีดจำกัดของข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ที่ทำกับมหาอำนาจ 6 ชาติ เพื่อตอบโต้ที่ทรัมป์นำสหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงเมื่อปีที่แล้ว ซ้ำยังฟื้นมาตรการแซงก์ชันเตหะราน

อย่างไรก็ดี วันพุธ (10) เอมมานูเอล บอนเน ที่ปรึกษาด้านการทูตของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เดินทางไปยังเตหะรานและพบกับรูฮานี เพื่อพยายามผ่อนคลายสถานการณ์การเผชิญหน้า

รูฮานีบอกกับผู้แทนของปารีสว่า เตหะรานยังคงเปิดกว้างสำหรับแนวทางการทูตและการเจรจา และเรียกร้องให้ประเทศภาคีข้อตกลงอื่นๆ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่า จะประคับประคองให้ข้อตกลงนี้อยู่รอด

ทว่า วันอังคาร (9) ชาติภาคีในยุโรป ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ออกคำแถลงร่วมระบุว่า อิหร่านต้องยุติการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างครบถ้วนทันที ขณะที่รัสเซียและจีน ซึ่งร่วมลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 ด้วย กล่าวหาว่า อเมริกาต่างหากเป็นตัวการทำให้เกิดการเผชิญหน้า

วันพฤหัสฯ เซียร์เก รือยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของรัสเซีย แสดงความกังวลต่อการเผชิญหน้าในอ่าวเปอร์เซีย และสำทับว่า ต้นเหตุของเรื่องนี้คือ การวางแผนมาเป็นอย่างดีของวอชิงตันเพื่อสร้างสถานการณ์ความขัดแย้ง

รือยาบคอฟยังประณามเหตุการณ์ที่อังกฤษยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านนอกชายฝั่งยิบรอลตาร์เมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมาว่า เป็นการ “ระราน” ซึ่งไม่ได้แค่ละเมิดกฎหมายสากลเท่านั้น แต่ยังฝ่าฝนกฎหมายภายในของอียูด้วย