xs
xsm
sm
md
lg

‘ซัมซุง’เตือน กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ตกฮวบ 56%

เผยแพร่:   โดย: ลี ชิน-ฮยุง รายงานจากกรุงโซล


(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Samsung Electronics flags 56% fall in Q2 operating profit
By Lee Shin-hyung, Seoul
05/07/2019

ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ กิจการระดับ “เรือธง” ของกลุ่มซัมซุง รายงานประมาณการว่า ผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ลดลง 56% สืบเนื่องจากภาวะชิปความจำและดิสเพลย์ล้นตลาดทั่วโลก ขณะที่สงครามการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นก็ทำท่าจะซ้ำเติมเพิ่มปัญหาให้แก่ยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายนี้

ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) แถลงเมื่อวันศุกร์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมาว่า ประมาณการผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปีนี้ของบริษัทเอาไว้ที่ 6.5 ล้านล้านวอน (5,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ตกลงมา 56% จากตัวเลข 14.87 ล้านล้านวอนซึ่งทำเอาไว้ในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขประมาณการสำหรับช่วง เม.ย.-มิ.ย. 2019 นี้ ยังย่ำแย่ไล่หลังผลกำไรจากการดำเนินงานของไตรมาสแรกที่หล่นฮวบถึง 60% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2018 และอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี ทั้งนี้สืบเนื่องจากดีมานด์ความต้องการที่อ่อนตัวลงในด้านอุปกรณ์อย่างชิปความจำและจอดิสเพลย์

ประมาณการผลกำไรจากการดำเนินงานของไตรมาส 2 นี้ เท่ากับคาดหมายว่าจะกระเตื้องดีขึ้นมาจากระดับ 6.23 ล้านล้านวอนของไตรมาสแรก แต่ถึงแม้กำไรจะดีขึ้นเล็กน้อยเช่นนี้ พวกผู้เชี่ยวชาญก็เห็นกันว่าเนื่องจากมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายๆ ตัว ดังนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะรีบคาดหมายว่าผลกำไรของซัมซุงอยู่ในภาวะที่หล่นลงจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว และกำลังจะกลับขยับขึ้น

“สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเวลานี้ยังไม่ยุติ แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นยังเพิ่งออกมาตรการแซงก์ชั่นการส่งออกวัสดุเซมิคอนดักเตอร์ให้แก่เกาหลี” เจ้าหน้าที่ผู้นี้บอกกับเอเชียไทมส์ “แม้กระทั่งถ้ารัฐบาลญี่ปุ่นไม่ได้สั่งห้ามเด็ดขาด ไม่ให้ส่งออกวัสดุเหล่านี้แก่เกาหลีเลย แต่กระนั้นซัปพลายของวัสดุเหล่านี้ก็ยังน่าจะไม่สามารถส่งมาอย่างราบรื่น จึงกำลังสร้างความเสียหายให้แก่การผลิตชิปและดิสเพลย์อยู่ดี”

ญี่ปุ่นเพิ่งประกาศใช้กฎระเบียบการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ที่เข้มงวดขึ้นมาก โดยกำหนดให้พวกโรงงานผู้ผลิตของญี่ปุ่นต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากรัฐบาลญี่ปุ่น จึงจะสามารถส่งออกพวกวัสดุอันจำเป็นสำหรับการผลิตชิปและดิสเพลย์ ได้แก่ ฟลูออไรด์ โพลีอสด์ (fluoride polyamide), ก๊าซกัดกรด (etching gas), และสารรีซิสต์ (resist) ไปยังแดนโสมขาวได้ (ดูเพิ่มเติมเรื่องการตอบโต้ของเกาหลีใต้ต่อมาตรการแซงก์ชั่นของญี่ปุ่นได้ที่ ttps://www.asiatimes.com/2019/07/article/south-korea-fights-back-against-japans-economic-retaliation/?_=5289377)

สำหรับรายรับของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ นั้น ประมาณการกันว่าอยู่ที่ 56 ล้านล้านวอน ในไตรมาส 2 นี้ เพิ่มขึ้น 6.89% จาก 52.39 ล้านล้านวอนซึ่งทำได้ในไตรมาสแรก กระนั้น ประมาณการรายรับนี้ก็ต่ำลงจาก 58.48 ล้านล้านวอนในระยะเดียวกันของปีที่แล้ว

ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก

ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ เป็นกิจการซึ่งถือเป็น “เรือธง” ของกลุ่มซัมซุง ขณะที่ซัมซุงก็อย่างที่ทราบกันดี เป็น กลุ่มเครือข่ายกิจการซึ่งควบคุมโดยครอบครัว หรือที่เรียกกันในเกาหลีใต้ว่า “แชโบล” (chaebol) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ มีสัดส่วนและอิทธิพลบารมีทางภาคธุรกิจสูงยิ่งในแดนโสมขาวซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลก

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มซัมซุงสามารถทำผลกำไรสูงเป็นสถิติใหม่อยู่เรื่อยๆ ถึงแม้เผชิญกับความเพลี่ยงพล้ำครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างต่อเนื่องกันเป็นชุด รวมไปถึงการที่หัวหน้าในทางพฤตินัยของกลุ่มต้องติดคุกติดตะราง

ทว่ามาถึงตอนนี้ภาพดังกล่าวนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยที่ราคาชิปความจำกำลังตกต่ำ ขณะที่ซัปพลายทั่วโลกกำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยที่ดีมานด์ความต้องการกลับอ่อนตัวลง

ซัมซุงได้เปิดตัวเครื่องสมาร์ทโฟนระดับท็อปเอ็นของตน คือรุ่น เอส10 5จี ไปแล้วก่อนหน้านี้ในปีนี้ หลังจากเกาหลีใต้ใช้ความพยายามจนได้ชื่อว่าเป็นผู้ชนะในการแข่งขันชิงดีชิงเด่น เพื่อเป็นผู้นำในการเปิดตัวเครือข่าย 5 จี เชิงพาณิชย์ระดับทั่วประเทศเป็นรายแรกของโลก

แต่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซัมซุงก็ได้ประกาศการตัดสินใจที่กลายเป็นข่าวเกรียวกราวทั่วโลก นั่นคือ การถอยหลังกลับชะลอการเปิดตัว กาแลกซี โฟลด์ (Galaxy Fold)โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่แบบจอภาพพับได้ของตน ภายหลังพวกนักวิจารณ์สินค้าที่ได้รับอุปกรณ์เอี่ยมอ่องนี้ไปทดลองใช้ก่อน รายงานปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับจอภาพทั้งที่ใช้งานได้ไม่กี่วัน

ขณะที่อุปกรณ์ตัวนี้ของซัมซุง ไม่ใช่เป็นมือถือแบบพับได้รุ่นแรกของโลก แต่ยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนรายนี้ได้เคยคาดหวังเอาไว้ว่า มันจะสามารถจุดประกายกระตุ้นดีมานด์ และมีศักยภาพที่จะกอบกู้ฟื้นชีพภาคอุตสาหกรรมนี้ซึ่งกำลังดิ้นรนหนักเพื่อเสาะแสวงหานวัตกรรมใหม่ๆ

ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้รายนี้ได้ใช้เวลาไปร่วมๆ 8 ปีทีเดียวในการพัฒนา กาแลกซี โฟลด์ ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของตน ที่จะขับดันอัตราการเติบโตด้วยอุปกรณ์ซึ่งมีลูกเล่นระดับสามารถเปิดเวทีใหม่ๆ อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

จนถึงตอนนี้บริษัทยังไม่ได้แถลงกำหนดเวลาใหม่สำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นนี้

ซัมซุงเป็นผู้ซัปพลายจอภาพและชิปความจำให้แก่สมาร์ทโฟนแบรนด์ของตนเองและให้แก่แอปเปิล รวมทั้งยังจำหน่ายจัดส่งชิปเซิร์ฟเวอร์ให้พวกบริษัทให้บริการคลาวด์ทั้งหลาย (cloud companies) อย่างเช่น แอมะซอน

แต่ซัมซุงก็กลายเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายสำคัญ ซึ่งกำลังได้รับความกระทบกระเทือนจากมาตรการที่ญี่ปุ่นประกาศออกมาใช้เมื่อเร็วๆ นี้ ในจำกัดเข้มงวดการส่งออกมายังเกาหลีใต้

มาตรการดังกล่าว (ซึ่งกลายเป็นการเพิ่มเดิมพันให้แก่กรณีพิพาทอันยืดเยื้อจากการที่พวกบริษัทญี่ปุ่นด้วยความอุปถัมภ์ค้ำชูของรัฐบาลในเวลานั้นได้บังคับใช้แรงงานชาวเกาหลีอย่างเหี้ยมโหดในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วศาลเกาหลีใต้เพิ่งตัดสินเมื่อเร็วๆ นี้ว่าบริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่บรรดาเหยื่อ) คาดหมายกันว่าทำให้การส่งออกวัสดุสำคัญๆ หลายอย่างที่ซัมซุงใช้อยู่ ต้องล่าช้าออกไปเป็นแรมเดือนทีเดียว

ความห่วงใยด้านสิทธิมนุษยชน

ทาดาชิ อูโนะ (Tadashi Uno) ผู้อำนวยการด้านการวิจัยจอภาพดิสเพลย์ ของบริษัทที่ปรึกษา ไอเอชเอส มาร์กิต (IHS Markit) บอกว่า ผลิตภัณฑ์ขั้นปลายชิ้นหนึ่งซึ่งอาจได้รับความกระทบกระเทือนจากมาตรการจำกัดที่โตเกียวประกาศใช้หมาดๆ นี้ ได้แก่ กาแลกซี โฟลด์ ของซัมซุง

“จอดิสเพลย์ของซัมซุง กาแลกซี โฟลด์ (ซึ่งเวลานี้อยู่ในช่วงพรีออร์เดอร์ในสหรัฐฯ) ผลิตขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากฟิล์มทำจากสารฟลูโอริเนดพอลิอิมิด (fluorinated polyimide film) ซึ่งซัปพลายให้โดย สุมิโตโม เคมิคอล (Sumitomo Chemical) ที่เป็นบริษัทผลิตวัสดุอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น” เขาแจกแจง

กระนั้น เขาชี้ด้วยว่า “โคลอน อินดัสตรีส์ (Kolon Industries) ซึ่งตั้งฐานอยู่ในเกาหลีใต้ สามารถทำหน้าที่เป็นซัปพลายเออร์ทางเลือก ให้แก่จอภาพแบบพับได้ของซัมซุง”

ในอีกด้านหนึ่ง ชื่อเสียงของยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนรายนี้ได้รับความเสียหายหนักทีเดียว หลังจากศาลเกาหลีใต้ตัดสินว่า ลี แจยอง (Lee Jae-yong) บุตรชายและทายาทของ ลี คุนฮี (Lee Kun-hee) ประธานของกลุ่มซัมซุงผู้เจ็บป่วยเรื้อรังมายาวนาน มีความผิดฐานติดสินบน

ลี ผู้ลูก เป็นบุคคลสำคัญมากคนหนึ่งในคดีอื้อฉาวซึ่งทำให้อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ พัค กึน-ฮเย ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ขณะที่ตัวเขาเองก็ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปีเมื่อเดือนสิงหาคม 2017

อย่างไรก็ตาม เขาได้รับอิสรภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว หลังจากหลายๆ ข้อกล่าวหาที่เขาถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิด ได้รับการตัดสินยกฟ้องในขั้นอุทธรณ์

ทว่าวิบากกรรมของซัมซุงใช่ว่าจะหมดสิ้นแล้ว ปัจจุบันสาขาในฝรั่งเศสของซัมซุง กำลังถูกตั้งข้อหากระทำการหลอกลวงทางการตลาด สืบเนื่องจากคำมั่นสัญญาของบริษัทที่จะปฏิบัติตามหลักจริยธรรม ภายหลังพวกนักเคลื่อนไหวออกมาร้องเรียนว่าวิธีการปฏิบัติต่างๆ ภายในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในต่างประเทศของยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนรายนี้ เป็นสิ่งที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

โดยอาศัยข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เป็นต้นว่า ไชน่าเลเบอร์วอตช์ (China Labor Watch) นักเคลื่อนไหวเอ็นจีโอเหล่านี้กล่าวหาว่า ซัมซุงว่าจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีมาทำงาน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายแรงงาน, นอกจากนั้นยังกำหนดชั่วโมงทำงานของลูกจ้างพนักงานของตนอย่างฉ้อฉล, ขณะที่สภาพที่อยู่อาศัยและเงื่อนไขการทำงานก็ต่ำกว่าเงื่อนไขขั้นพื้นฐานแห่งการรักษาศักดิ์ศรีมนุษย์ รวมทั้งยังทำให้คนงานตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย

เอเชียไทมส์นำรายงานข่าวของเอเอฟพีมาเพิ่มเติมในข้อเขียนชิ้นนี้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น