เอเจนซีส์ - รอส เพโรต์ (Ross Perot) มหาเศรษฐีพันล้านชาวอเมริกันที่ร่ำรวยมาจากการสร้างตัวเองชาวเทกซัส และเป็นผู้ลงชิงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯถึง 2 สมัยแต่พลาด ซึ่งอดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ เคยกล่าวโทษว่า เพโรต์ทำให้เขาเสียคะแนนต้องพ่ายการเลือกตั้งปี 1992 ให้แก่อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน ได้เสียชีวิตในวันอังคาร(9 ก.ค)ในวัย 89 ปีหลังจากต่อสู้โรคลูคีเมีย
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานเมื่อวานนี้(9 ก.ค)ว่า โฆษกประจำครอบครัว เจมส์ ฟุลเลอร์ (James Fuller) ยืนยันกับ CNN ว่า รอส เพโรต์ (Ross Perot) มหาเศรษฐีชาวเทกซัสชื่อดังผู้ที่ร่ำรวยจากการสร้างตัวเอง ก่อตั้งบริษัท อิเลกทรอนิก ดาตา ซิสเต็มส์ คอร์ป EDS( Electronic Data Systems Corp) ในปี 1962 และบริษัท เพโรต์ ซิสเต็มส์ คอร์ป (Perot Systems Corp) ในอีก 26 ปีต่อมา อ้างอิงจาก สื่อดัลลัสนิวส์ เสียชีวิตแล้วในวันอังคาร(9) ในวัย 89 ปีหลังจากสู้โรคลูคีเมียมานานร่วม 5 เดือน
นอกเหนือจากการเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่ได้ขายหุ้นบริษัทประมวลผลข้อมูลที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นให้กับบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส์ ด้วยสนนราคา 2.5 พันล้านดอลลาร์ และทำให้ผงาดเป็นเศรษฐีพันล้านแล้ว เพโรต์ยังถือเป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองสหรัฐฯในยุค 90 พบว่าเพโรต์เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯถึง 2 ครั้งคือในปี 1992 และ ปี 1996 แต่ต้องพ่ายแพ้ทั้งหมด
เขาเป็นตัวตั้งตัวตีออกมาประกาศไม่เห็นด้วยต่อนโยบายเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ NAFTA โดยชี้ว่า งานของสหรัฐฯจะถูกดูดไปยังประเทศอื่น
ในการเลือกตั้งปี 1992 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างรักษาการประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ จากพรรครีพับลิกัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ บิล คลินตัน จากพรรคเดโมแครต และ เพโรต์ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระ ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า เขาชนะมาเป็นอันดับ 3 ได้ไป 19 % ในขณะที่บุชผู้พ่อซึ่งเข้ามาเป็นอันดับ 2 พ่ายให้กับคลินตัน ได้กล่าวตำหนิเพโรต์เป็นเวลาหลายปีโทษทำให้เขาต้องแพ้ ซึ่งในสารคดีปี 2012 ของ HBO บุชผู้พ่อออกปากว่า เขาเชื่อว่าเพโรต์เป็นตัวตัดคะแนนการเลือกตั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการเลือกตั้งและนักวิจัยต่างออกมาท้าทายความเชื่อนี้
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สพบว่า อิทธิพลของเพโรต์ต่อผลการเลือกตั้งมีน้อย ส่วนหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีคลินตันยังคงชนะด้วยตัวเลขที่สูงถึงแม้ว่า รอส เพโรต์ จะไม่ลงรับสมัครเลือกตั้ง
นอกเหนือจากนี้พบว่าบริษัทคอมพิวเตอร์เดลได้ซื้อบริษัทเพโรต์ ซิสเต็มส์ คอร์ป ของเขาด้วยตัวเลข 3.9 พันล้านดอลลาร์ 9 ปีหลังจากที่เขาได้ให้บุตรชาย รอส เพโรต์ จูเนียร์ (Ross Perot Jr) เข้าทำหน้าที่บริหารต่อ และเพโรต์ยังมีบทบาทในภูมิภาคแถบอินโดจีน พบว่าในช่วงสมัยสงครามเวียดนาม เขาเดินทางไปยังลาวและได้พบกับเอกอัครราชทูตจากรัสเซียและเวียดนามเหนือที่นั่น
และเพโรต์ได้รับรางวัลเหรียญผู้รับใช้สาธารณะอย่างกล้าหาญจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯในปี 1974 สำหรับความพยายามนี้ เพโรต์ยังเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือตัวประกันในยุคปฎิวัติอิหร่าน เพราะพบว่าในปี 1979 พนักงานของ EDS จำนวน 2 คนถูกจับเป็นตัวประกันระหว่างการเกิดปฎิวัติในอิหร่าน เพโรต์รับผิดชอบการช่วยเหลือในปฎิบัติการฮ็อตฟุต ( Operation Hotfoot) เพื่อช่วยคนเหล่านี้กลับสหรัฐฯ
แถลงการณ์ของฟุลเลอร์กล่าวว่า “ในธุรกิจและชีวิตส่วนตัว รอสเป็นบุคคลที่เที่ยงตรงและเป็นผู้ปฎิบัติ เป็นชาวอเมริกันผู้รักชาติอย่างแท้จริงและเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ที่หายาก มีหลักการและความเมตตา เขามีอิทธิพลต่อผู้คนในจำนวนที่ไม่สามารถนับได้ผ่านการสนับสนุนของเขาต่อกองทัพและทหารผ่านศึกจำนวนมากจากคุณสมบัติของความเป็นผู้มีใจการกุศลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” และในแถลงการณ์กล่าวอีกว่า “รอส เพโรต์ จะถูกจดจำอย่างลึกซึ้งจากทุกคนที่รักเขา เขามีชีวิตที่ยืนยาวและสง่างาม”
CNN รายงานว่า เพโรต์ได้กล่าววาทะที่น่าจดจำหลังจากที่เขากลับเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้งว่า “มีคนไม่มากนักในประเทศแห่งนี้ที่สามารถจะมีชีวิตในแบบ “อเมริกัน ดรีม” ถึงจุดที่ผมมีได้” และเสริมต่อว่า “ไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะสามารถแก้ไขความวิตกชาวอเมริกันอย่างแท้จริง”