เอเจนซีส์ - ตำรวจมาเลเซียระบุในวันอังคาร (9 ก.ค.) ว่าได้ควบคุมตัวชาวต่างชาติสี่คน ในจำนวนนั้นเป็นชาวโรฮิงญาสองคนจากพม่า เนื่องจากสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย
มาเลเซียเป็นที่อยู่อาศัยของชาวมุสลิมโรฮิงญาหลายหมื่นคน ที่เดินทางมาจากพม่าหรือบังคลาเทศเพื่อขอลี้ภัย
ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามากกว่า 700,000 คนหลบหนีจากทางตะวันตกของพม่าไปยังบังคลาเทศ จากการเปิดเผยโดยหน่วยงานของยูเอ็น หลังจากที่ผู้ก่อความไม่สงบโจมตีกองกำลังความมั่นคงของพม่าเมื่อเดือนสิงหาคม 2017 ทำให้ถูกปราบปรามโดยกองทัพ
ตำรวจระบุว่า ผู้ต้องสงสัยชาวโรฮิงญาทั้งสองคนถูกคุมตัวไว้ ฐานให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ARSA ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีในปี 2017
ตำรวจเปิดเผยว่า หนึ่งในชาวโรฮิงญาที่ถูกจับ เป็นคนงานก่อสร้างอายุ 41 ปี ซึ่งเคยข่มขู่ในวิดีโอที่อัพโหลดทางโซเชียลว่าจะสังหารนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ
ผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นชาวฟิลิปปินส์วัย 54 ปี ที่มีความสัมพันธ์กับอาบูไซยาฟ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส)
ชายผู้นี้ถูกสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวหลายครั้ง ในน่านน้ำของรัฐซาบาห์ ทางใต้ของฟิลิปปินส์
ผู้ต้องสงสัยอีกคนเป็นชาวอินเดียวัย 24 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกอาวุโสของกลุ่ม BKI ซึ่งเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์
ผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นพนักงานซ่อมบำรุงลิฟต์ ได้โอนเงิน 7,600 ริงกิต เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของ BKI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มาเลเซียมีการระมัดระวังขั้นสูง หลังจากมือปืนที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มรัฐอิสลามดำเนินการโจมตีหลายครั้งในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย เมื่อเดือนมกราคม 2016
การโจมตีด้วยระเบิดบนแถบที่ชานเมืองของกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนมิถุนายน 2016 ทำให้มีผู้บาดเจ็บแปดคน กลุ่มรัฐอิสลามอ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีครั้งนี้ ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งแรกบนดินแดนของมาเลเซีย