รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - เครื่องบินขับไล่บินเหนือศีรษะประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศกลางงานวันชาติสหรัฐฯ ครบรอบการก่อตั้ง 243 ปี กล่าวชื่นชมกองทัพสหรัฐฯ ท่ามกลางการจัดฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในการแสดงถึงความรักชาติ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำยุทโธปกรณ์ทางทหารเข้าร่วม และในตอนค่ำมีการจุดพลุดอกไม้ไฟสีสันตระการตา บรรดานักวิจารณ์ต่างกล่าวว่า ทรัมป์ใช้งานวันชาติหาเสียงให้ตัวเอง แต่ที่สำคัญหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ชี้ ทรัมป์พูดผิดกลางเวที สหรัฐฯ ยังไม่มีกองทัพอากาศในยุคศตวรรษที่ 18 รวมไปถึงสนามบิน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ว่า ผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบันนำยุทโธปกรณ์ของกองทัพเข้าร่วมในงานวันชาติสหรัฐฯหลังจากเขาได้แรงบันดาลใจจากที่ได้เห็นที่ฝรั่งเศส ออกมาปัดถึงความเห็นฝ่ายตรงข้ามที่วิจารณ์ถึงค่าใช้จ่ายและการทหารนั้นดูมีบทบาทสำคัญมากกว่างานการฉลองวันชาติทุกจัดบริเวณด้านนอกอนุสรณ์สถานลิงคอล์นอายุ 97 ปีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการรวมชาติ
“ชาติของเราแข็งแกร่งขึ้นในวันนี้มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต มันแข็งแกร่งที่สุดในเวลานี้” ทรัมป์ประกาศกลางเวทีท่ามกลางการประดับประดาด้วยธีมวันประกาศอิสรภาพสหรัฐฯ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.ค. ปี 1776 ที่สหรัฐฯ สามารถมีชัยเหนือเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ส่วนชาวอเมริกันที่เข้าร่วมงานต่างส่งเสียงเชียร์ ยูเอสเอ ยูเอสเอ ยูเอสเอ
รอยเตอร์รายงานว่า ผู้นำสหรัฐฯได้กล่าวชื่นชมความแข็งแกร่งของกองทัพสหรัฐฯ แต่สำหรับตัวเขากลับพบว่า ตัวเองซึ่งเป็นลูกของนักธุรกิจมีเงินหลีกเลี่ยงการเข้าเกณฑ์ทหารเพื่อรับใช้ชาติในสงครามเวียดนาม แต่ภายในงานฉลองวันพฤหัสบดี (4) เขาได้เล่าเรื่องถึงกองทัพแต่ละเหล่าก่อนที่จะมีการแสดงการบินโดยเครื่องบินรบขับไล่สหรัฐฯ
“เราฉลองประวัติศาสตร์ของพวกเรา คนของเรา และบรรดาเหล่าผู้กล้าที่ได้ปกป้องธงชาติของเราอย่างภาคภูมิ บรรดาทหารทั้งชายและหญิงแห่งกองทัพสหรัฐฯ” และเสริมต่อว่า “ตลอดเวลากว่า 65 ปีไม่มีข้าศึกของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่สามารถสังหารทหารอเมริกันได้แม้แต่นายเดียว เป็นเพราะท้องฟ้าเป็นของสหรัฐอเมริกา”
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ฮือฮาไปทั่ว หนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์เอามาลงเป็นหัวข่าวชี้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวถึงการกำเนิดกองทัพอากาศอเมริกันผิดพลาด พบว่ามีช่วงหนึ่งในการอ่านร่างสุนทรพจน์เขาระบุถึง “สนามบิน” ในระหว่างการทำสงครามปฎิวัติอเมริกา “กองทัพของเราควบคุมท้องฟ้า บุกเข้าโจมตีกำแพงเมือง เข้ายึดสนามบินสำเร็จ” ซึ่งเขากล้าวถึงกองกำลังที่ถูกก่อตั้งโดยสภาแห่งทวีป(Continental Congress) ในปี 1775 และที่สำคัญในเวลานั้นยังไม่มีการเดินทางอากาศในยุคศตวรรษที่ 18 ของอเมริกา
ทั้งนี้ พบว่าการขึ้นบินของเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ทรัมป์ได้เคยเปรยในทวีตเตอร์เกิดขึ้นแบบฉับพลันแต่ไม่ได้รับเสียงเชียร์จากผู้คน ต่างจากฝูงเครื่องบิน F18 จำนวน 6 ลำที่รู้จักกันดีในชื่อ “บลู แองเจิล” (Blue Angels) ทะยานเหนือท้องฟ้าอนุสอรณ์สถานลิงคอล์นเมโมเรียลหลังจากที่ผู้นำสหรัฐฯสิ้นสุดการแสดงสุนทรพจน์กลับสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับฝูงคนได้มากกว่า แต่มีประชาชนบางส่วนต่างตะโกนว่า “อีก 4 ปี” เพื่อสนับทรัมป์ในการเลือกตั้งปีหน้า
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวยกย่องสำนักงานปกป้องพรมแดนสหรัฐฯ CBP และสำนักงานการบังคับใช้ตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ ICE ซึ่งเป็น 2 หน่วยหลักในการเป็นหัวหอกการบังคับใช้นโยบายผู้อพยพที่แข็งกร้าวของทรัมป์
และผู้นำสหรัฐฯยังได้อ้างไปถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติอเมริกันซึ่งเป็นอดีตทาสที่เป็นผู้นำการยกเลิกทาสในอเมริกาคือ แฮเรียต ทับแมน (Harriet Tubman) ที่มีกำหนดจะนำรูปภาพของเธอประดับในธนบัตรฉบับละ 20 ดอลลาร์ และ เฟรเดริค ดักลาส (Frederick Douglass) ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้อดีตประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น ในเวลานั้น ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมารัฐบาลทรัมป์สร้างเสียงตำหนิไปทั่วเมื่อตัดสินใจที่จะเอาภาพทับแมนออกจากธนบัตรฉบับใบละ 20 ดอลลาร์ และเขาก่อนหน้ายังสร้างเสียงวิจารณ์ถึงความรู้ในประวัติศาสตร์อเมริกันของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวข้องกับดักลาส โดยเขาใช้ผิด Tense ของแกรมมาร์ตามหลักภาษาอังกฤษด้วยการใช้ Present Perfect Tense เมื่อกล่าวว่า “เป็นคนที่ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่” (somebody who’s done an amazing job)
ก่อนหน้าของวันพบฝูงชนมหาศาลต่างสวมหมวกสีแดงสัญลักษณ์การหาเสียงของทรัมป์ หมวกสโลแกนทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make America Great Again) ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงงบการจัดงานและสภาพอากาศร้อนของสหรัฐฯและฝนที่ตกลงมา รวมไปถึงบัลลูนทารกทรัมป์สีส้มลอยเด่น และมีกลุ่มผู้ประท้วงเผาธงชาติสหรัฐฯ ด้านหน้าทำเนียบขาว
ซึ่งถึงแม้ทางพรรคเดโมแครตจะออกมาวิจารณ์การจัดงานที่ฟุ่มเฟือยและแฝงการหาเสียงไปในตัวของผู้นำสหรัฐฯ แต่ทว่าหนึ่งในชาวอเมริกันที่ตัดสินใจเดินทางเข้าร่วมงานฉลองวันชาติ แบรนดอน ลอว์เรนซ์ (Brandon Lawrence) ซึ่งเพนต์ใบหน้าด้วยธงชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่ทรัมป์ทำกับรถถังและฝูงเครื่องบินทั้งหมดนั้น ผมคิดว่ามันวิเศษมาก”
อ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า ทางทำเนียบขาวกังวลถึงจำนวนของประชาชนที่จะมาเข้าร่วม ซึ่งก่อนหน้าการจัดงานพบว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้ที่ชื่นชอบในตัวเลขผู้เข้ามาร่วมงานได้ทำการทวีตเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาร่วมการฉลองวันชาติในปีนี้ให้คึกคึกโดยชี้ว่า เป็นการจัดงานที่ใหญ่กว่าทุกปี “งานนี้จะเป็นหนึ่งในการเฉลิมฉลองที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติเรา”
วันฉลองวันชาติสหรัฐฯ ยังเป็นวันรวมญาติสำหรับชาวอเมริกันที่จะมีการออกไปชมขบวนพาเหรด กินบาร์บีคิว และช่วงค่ำชมพลุดอกไม้ไฟ และมีการจัดการแข่งขันกินฮอตด็อกประจำปี


