เอเจนซีส์ - กรณีวิวาททางการทูตระหว่างอังกฤษกับจีนยังคงบานปลายขยายตัวต่อไปในวันพฤหัสบดี (4 ก.ค.) รัฐมนตรีต่างประเทศ เจเรมี ฮันต์ ของแดนยูเนียนแจ็ก ประกาศยังคงเปิดทางเลือกที่จะใช้ตอบโต้ รวมไปถึงการแซงก์ชันปักกิ่ง จากการปฏิบัติต่อผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยที่ก่อนหน้านั้นในวันพุธ (3) ลอนดอนเรียกเอกอัครราชทูตจีนเข้าพบ เพื่อตำหนิรุนแรงกรณีทูตผู้นี้ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ย้ำว่าเจ้าหน้าที่หรือนักการเมืองอังกฤษบางคน ยังคงเพ้อฝันมีวิธีคิดแบบยุคที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคม
ในการให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุและโทรทัศน์บีบีซี วันพฤหัสบดี ฮันต์ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ผู้ชิงชัยสุดท้ายในการแข่งขันเป็นผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟและนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนต่อไป กล่าวย้ำว่า จะมี “ผลต่อเนื่อง” ตามมาแน่นอน ถ้าจีนยังคงละเมิดคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสิทธิต่างๆ ของฮ่องกงในตอนที่อังกฤษส่งมอบดินแดนแห่งนี้ให้อยู่ในการปกครองของปักกิ่ง
เขาไม่ได้ระบุชัดเจนว่าอังกฤษจะตอบโต้อย่างไร แต่ย้ำว่ายังคงเปิดทางเลือกต่างๆ เอาไว้ นอกจากนั้นเขาก็ไม่ปฏิเสธเมื่อถูกถามว่ารวมถึงการใช้มาตรการแซงก์ชั่นคว่ำบาตรด้วยใช่หรือไม่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (2) ฮันต์ได้เคยพูดเตือนจีนในทำนองเดียวกันนี้มาแล้ว โดยบอกว่าอย่าใช้การประท้วงในฮ่องกงบังหน้าเพื่อปราบปรามผู้ต่อต้าน และเตือนว่า จะเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงหากปักกิ่งละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้เมื่อครั้งรับมอบฮ่องกงคืนจากอังกฤษในปี 1997
ปรากฏว่าการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวทำให้ปักกิ่งขุ่นเคืองอย่างยิ่ง เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน วิจารณ์ระหว่างการแถลงข่าวปกติเมื่อวันอังคาร (2) ว่า ดูเหมือนฮันต์ยังคงเพ้อฝันกับความรุ่งโรจน์ของลัทธิอาณานิคมอังกฤษที่วันนี้อยู่ในอาการลางเลือน และยังทำนิสัยแย่ๆ ด้วยการแสดงท่าทีดูถูกกิจการของประเทศอื่นๆ พร้อมย้ำว่า ขณะนี้ฮ่องกงคืนกลับสู่อ้อมอกจีนแล้ว
จากนั้นในวันพุธ (3) หลิว เสี่ยวหมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำลอนดอน ตั้งโต๊ะแถลงข่าวย้ำวิธีคิดแบบเจ้าอาณานิคมยังตามหลอกหลอนเจ้าหน้าที่หรือนักการเมืองอังกฤษบางคน พร้อมเรียกร้องให้อังกฤษปล่อยมือและให้ความเคารพต่อฮ่องกง
หลังจากนั้นไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษได้เรียกตัวหลิวเข้าพบไซมอน แม็กโดนัลด์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อแจ้งว่า คำวิจารณ์ของเกิงต่อนโยบายของอังกฤษ “รับไม่ได้และไม่ถูกต้อง”
ฮันต์เองนั้นนอกจากตอบโต้ปักกิ่งเสียงแข็งแล้ว ในขณะเดียวกันก็ดูเหมือนพยายามผ่อนคลายสถานการณ์และฟื้นความน่าเชื่อถือในการเป็นผู้นำของตน ด้วยการให้สัมภาษณ์ทางทีวีเมื่อคืนวันพุธว่า เขาใช้เหตุผลอย่างมากกับจีน และเป็นคนที่เชื่อมั่นว่า อังกฤษควรเป็นมิตรและต้องการค้าขายกับจีน รวมทั้งต้องการให้สองประเทศมีความเข้าใจที่ดีต่อกัน
ระหว่างให้สัมภาษณ์บีบีซีในวันพฤหัสบดี ฮันต์ก็ย้ำด้วยว่าไม่ได้สนับสนุนการประท้วงแบบที่มีการก่อเหตุรุนแรงในฮ่องกง แถมประณามด้วยซ้ำ พร้อมกันนั้นเขายังเรียกร้องให้ทางการฮ่องกงจัดการกับปัญหาที่เป็นที่มาของการประท้วงคือกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ทั้งนี้ ฮันต์กำลังใช้ความน่าเชื่อถือด้านการทูตและธุรกิจเป็นอาวุธสำคัญในการขับเคี่ยวกับบอริส จอห์นสัน อดีตนายกเทศมนตรีลอนดอน เพื่อแย่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งหมายถึงการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากเทเรซา เมย์ ปลายเดือนนี้
นอกจากการปะทะฝีปากในระดับเจ้าหน้าที่รัฐแล้ว วันพฤหัสฯ (4) หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ยังเผยแพร่บทบรรณาธิการโจมตีซ้ำประเด็นเดิมว่า ผู้สนับสนุนอุดมการณ์บางอย่างในรัฐบาลตะวันตกไม่เคยหยุดยั้งความพยายามในการปลุกปั่นให้ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลของประเทศอื่นที่มีอุดมการณ์ไม่เหมือนตัวเอง แม้ว่าการกระทำนั้นจะทำให้เกิดความทุกข์ยากและความสับสนอลหม่านในประเทศแล้วประเทศเล่าในละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียก็ตาม
“ตอนนี้พวกเขากำลังพยายามใช้ยุทธวิธีเดียวกันนั้นในจีน” หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนฉบับนี้ระบุ
วันเดียวกัน บทบรรณาธิการของโกลบัล ไทมส์ แท็บลอยด์ที่ตีพิมพ์โดยพีเพิลส์ เดลี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน วิจารณ์ว่า นโยบายการทูตของอังกฤษต่อจีนจะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของฮันต์
ส่วนที่ฮ่องกง พวกเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐานภายในอาคารรัฐสภาที่ได้รับความเสียหายจากการบุกโจมตีของผู้ประท้วงในวันจันทร์ (1) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 22 ปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะแห่งนี้คืนให้จีน
สำนักงานตำรวจฮ่องกงแถลงเมื่อวันพุธว่า จะติดตามจับกุมผู้ประท้วงที่ละเมิดกฎหมายและก่อความรุนแรงในรัฐสภา ขณะที่หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของฮ่องกงผู้หนึ่งว่า ตำรวจกำลังวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอและลายนิ้วมือเพื่อระบุตัวผู้ต้องสงสัย และมีแผนบุกจับกุมในเร็วๆ นี้
คืนวันพุธตำรวจฮ่องกงยังเปิดเผยว่า ได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 13 คนที่เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในช่วงเช้าวันจันทร์ใกล้อาคารสภานิติบัญญัติ
ก่อนหน้านั้นตำรวจฮ่องกงยังจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คน อายุระหว่าง 16-40 ปี ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 2 คน ในข้อกล่าวหา “doxxing” คือการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นทางออนไลน์เพื่อให้เกิดความอับอายหรือยั่วยุให้มีการล่วงละเมิดบุคคลนั้น รวมถึงการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเว็บไซต์ของตำรวจ
ในคำแถลงระบุว่า อาชญากรรมดังกล่าวส่งผลต่อตำรวจจำนวนมาก โดยตำรวจบางคนและครอบครัวถูกขู่ฆ่า
