เอเจนซีส์ – ทรัมป์สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เหยียบย่างดินแดนเกาหลีเหนือขณะอยู่ในตำแหน่ง และหลังจากหารือกับคิมเกือบชั่วโมงในเขตปลอดทหาร (ดีเอ็มแซด) ทั้งคู่ตกลงฟื้นการเจรจาที่ชะงักงันมานาน และต่างเอ่ยปากชวนกันและกันเยือนเมืองหลวง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จับมือทักทายกันอย่างอบอุ่นเมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) ในเขตความมั่นคงร่วม (เจเอสเอ) ที่มีทหารของสองเกาหลีลาดตระเวน
ผู้นำทั้งคู่แสดงความหวังเกี่ยวกับสันติภาพระหว่างพบกันครั้งที่ 3 ในรอบกว่าปีบนพรมแดนที่เป็นสัญลักษณ์ความเป็นศัตรูระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ที่ปัจจุบันยังถือว่า ทำสงครามกันในทางเทคนิค
ทรัมป์และคิมเดินข้ามแนวเขตแดนทางทหารเข้าสู่เกาหลีเหนือ ครู่หนึ่งหลังจากนั้นทั้งสองคนกลับเข้าสู่เกาหลีใต้โดยมีประธานาธิบดีมุน แจ-อินมาสมทบและพูดคุยกันช่วงสั้นๆ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำ 3 ประเทศนี้พบกันพร้อมหน้า
จากนั้น ทรัมป์และคิมเข้าสู่ห้องประชุมแบบปิดลับนานเกือบหนึ่งชั่วโมง ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า เป็นการพบกันที่ดีมากและมีการตกลงที่จะดำเนินการต่อในรายละเอียด โดยทั้งสองฝ่ายจะตั้งคณะทำงานเพื่อฟื้นการเจรจายุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่หยุดชะงักมานาน กระนั้น ทรัมป์สำทับว่า ไม่เร่งรัดในการบรรลุข้อตกลง
ทรัมป์และคิมพบกันครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และตกลงปรับปรุงความสัมพันธ์กัน รวมถึงดำเนินการเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ทว่า มีความคืบหน้าน้อยมากนับจากนั้น
การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่ฮานอยในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ แต่จบลงโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถปรองดองกันได้ระหว่างข้อเรียกร้องของอเมริกาให้เกาหลีเหนือยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์ กับจุดยืนของเปียงยางให้วอชิงตันผ่อนคลายมาตรการแซงก์ชัน
นับแต่นั้นทั้งสองฝ่ายติดต่อกันน้อยมาก และเปียงยางออกมาวิจารณ์จุดยืนของอเมริกาบ่อยครั้ง กระนั้น ผู้นำสองประเทศส่งจดหมายถึงกันหลายฉบับก่อนที่ทรัมป์จะทวิตชวนคิมไปพบกันที่ดีเอ็มแซดเมื่อวันเสาร์ (29 มิ.ย.)
ในการพบกันครั้งนี้ซึ่งไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า คิมมีท่าทีผ่อนคลายและยิ้มแย้มขณะพูดคุยกับทรัมป์ท่ามกลางช่างภาพ ผู้ช่วย และองครักษ์
ประมุขโสมแดงกล่าวว่า แปลกใจมากที่เห็นทวิตของทรัมป์เมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตใหม่และทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง พร้อมหยอดว่า จะเป็นเกียรติอย่างยิ่งหากทรัมป์ไปเยือนเปียงยาง
ด้านทรัมป์หวานกลับว่า เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตนที่ได้ข้ามเขตแดนทางทหารเข้าสู่ดินแดนเกาหลีเหนือ และสำทับว่า วันนี้เป็นวันอันยิ่งใหญ่ของโลกและมีหลายสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น ผู้นำสหรัฐฯ ยังเอ่ยปากเชิญคิมไปเยือนทำเนียบขาวทุกเมื่อที่ต้องการ
ทั้งนี้ ทรัมป์เดินทางถึงเกาหลีใต้เมื่อค่ำวันเสาร์เพื่อหารือกับมุน หลังจากเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มจี20 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งระหว่างนั้นเขาทำให้ทั่วโลกประหลาดใจด้วยการทวิตชวนคิมพบกัน และผู้นำเกาหลีเหนือตอบรับคำชวน
เดวิด คิม นักวิเคราะห์ของสติมสัน เซ็นเตอร์ เอเชีย ระบุว่า ทรัมป์ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เหยียบย่างดินแดนเกาหลีเหนือขณะอยู่ในตำแหน่ง เช่นเดียวกับมุนที่ได้พบทรัมป์และคิมพร้อมกันแม้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ก็ตาม และว่า การพบกันครั้งนี้มีแนวโน้มทำให้การเจรจาที่ชะงักงันได้เดินหน้าต่อ
ซู คิม อดีตนักวิเคราะห์ของสำนักงานข่าวกรองกลางของอเมริกา (ซีไอเอ) และปัจจุบันทำงานให้แรนด์ คอร์เปอเรชัน ชี้ว่า แรงดึงดูดของเกาหลีเหนือผลักให้ทรัมป์ข้ามดีเอ็มแซด ซึ่งเป็นสิ่งที่คิมใฝ่ฝันมานานแล้วและประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพยายามใดๆ