รอยเตอร์ – ผลสำรวจล่าสุดชี้มีประชากรเพียงครึ่งโลกเท่านั้นที่คิดว่าประเทศของตนมีความเป็นประชาธิปไตยเต็มร้อย ขณะที่ชาวยุโรปตะวันตกจำนวนมากมองว่าระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกคุกคามโดยสถาบันการเงินและสื่อโซเชียล
จากการสำรวจความคิดเห็นประชากร 150,000 คนใน 57 ประเทศโดยสถาบันวิจัยดาเลีย (Dalia Research) ในเยอรมนี และมูลนิธิพันธมิตรแห่งประชาธิปไตย (Alliance of Democracies Foundation) พบว่า แม้แต่ในประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง พลเมือง 38% ก็ยังรู้สึกไม่พอใจกิจการของรัฐ
“ความเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดของระบอบประชาธิปไตยทุกวันนี้ก็คือ ประชาชนไม่มองว่ามันเป็นประชาธิปไตยจริงๆ” นิโค แจสเปอร์ส ผู้บริหารสถาบันวิจัยดาเลีย ระบุในถ้อยแถลง
ผลสำรวจความคิดเห็นขณะที่สหรัฐฯ กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งประธานาธิบดี 2020 พบว่ามีชาวอเมริกันเพียง 46% เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยของชาติมหาอำนาจแห่งนี้ ขณะที่อีก 40% คิดว่าสหรัฐฯ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยมากพอ
ชาวอเมริกันเกินครึ่งเชื่อว่าสหรัฐฯ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อประชาธิปไตยทั่วโลก ขณะที่พลเมืองแคนาดาและยุโรปส่วนใหญ่รู้สึกถึงอิทธิพล “เชิงลบ” มากกว่า
ประชากรยุโรป 52% คิดว่าสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของชาวยุโรปอย่างแท้จริง โดยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ฝรั่งเศส และกรีซ
ผลสำรวจชิ้นนี้ถูกเผยแพร่เพียงไม่กี่วัน ก่อนที่ผู้นำอียู 28 ประเทศจะมีการคัดเลือกบุคคลขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของกลุ่ม ในกระบวนการสรรหาซึ่งหลายคนยังมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่
ในอิตาลีซึ่งเวลานี้มีรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งลังเลสงสัยในสหภาพยุโรป (Eurosceptic) ประชากร 69% เชื่อว่าการตัดสินใจของอียูไม่ได้อิงกับผลประโยชน์ของพลเมืองมากเท่าที่ควรจะเป็น
ชาวยุโรปส่วนใหญ่มองว่าธนาคารและสถาบันการเงินมีอิทธิพลเชิงลบต่อระบอบประชาธิปไตยในประเทศของตน โดยเฉพาะในกรีซซึ่งประชาชนจำนวนมากมีฐานะยากจนลงจากวิกฤตการเงินเมื่อ 10 ปีก่อน
ผลสำรวจพบว่า โดยภาพรวมแล้วมีประชากรโลกถึง 52% ที่รู้สึกว่าประเทศของตนไม่พร้อมที่จะเผชิญวิกฤตการเงินครั้งใหม่
ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 40% ในสหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรีย และอื่นๆ มองว่าสื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ มีผลกระทบในแง่ลบต่อความเป็นประชาธิปไตย