รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี มหาเธร์ โมฮัมหมัด แห่งมาเลเซียออกมาระบุวันนี้ (20 มิ.ย) ว่ารัสเซียกำลังตกเป็น “แพะรับบาป” จากกรณีเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สถูกยิงตกในยูเครนเมื่อปี 2014 พร้อมตั้งคำถามว่ากระบวนการสอบสวนนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไรแน่
คณะสืบสวนนานาชาติที่นำโดยเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศตั้งข้อหาฆาตกรรมกับพลเมืองรัสเซีย 3 คน และพลเมืองยูเครนอีก 1 คน เมื่อวานนี้ (19) ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหากลุ่มแรกที่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติกรรมเพื่อรับผิดชอบต่อการจากไปของ 298 ชีวิตบนเที่ยวบิน MH17 ซึ่งถูกยิงตกเหนือน่านฟ้ายูเครนตะวันออก
“เราไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะคดีนี้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับการเมืองตั้งแต่ต้น เพื่อกล่าวหารัสเซียว่าเป็นผู้กระทำ” มหาเธร์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
“พวกเขารีบกล่าวหารัสเซียตั้งแต่การสอบสวนยังไม่เริ่ม พอมาวันนี้พวกเขาอ้างว่ามีหลักฐาน มันก็ยากที่เราจะทำใจยอมรับได้”
เที่ยวบิน MH17 ซึ่งออกเดินทางจากกรุงอัมสเตอร์ดัมมุ่งหน้าสู่กัวลาลัมเปอร์ถูกจรวดสอยร่วงเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ปี 2014 ขณะบินอยู่เหนือเขตอิทธิพลของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนยูเครนตะวันออกที่มีรัสเซียหนุนหลัง
คณะสืบสวนนานาชาติได้ออกหมายจับสากลเพื่อล่าตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัย ซึ่งประกอบด้วยชาวรัสเซีย 3 คนคือ เซียร์เก ดูบินสกี, โอเล็ก ปูลาตอฟ และ อิกอร์ เกอร์คิน ส่วนรายที่ 4 คือ ลีโอนิด คาร์เชนโก เป็นชาวยูเครน
เฟร็ด เวสเตอร์เบเก หัวหน้าทีมอัยการดัตช์ อ้างผลการสืบสวนซึ่งระบุว่าบุคคลทั้ง 4 อาจเป็นผู้นำจรวดที่ผลิตในรัสเซียเข้าไปในยูเครนตะวันออก “โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้ยิงเครื่องบิน”
รัสเซียได้แสดงความผิดหวังต่อผลการสืบสวนนี้ และยืนยันว่าพลเมืองของตนถูกตั้งข้อหาโดยไม่มีมูลความจริง
นายกฯ มาเลเซียระบุว่าตนเองไม่เชื่อว่าจะมีชาวรัสเซียเกี่ยวข้องด้วย พร้อมวิจารณ์ผลการสืบสวนว่าอาศัยแค่ “คำบอกเล่า”
“ผมหวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันทำความจริงให้กระจ่าง”