(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)
Alibaba, Tencent among world’s Top 10 brands
By Asia Times staff
13/06/2019
อาลีบาบา และ เทนเซ็นต์ เป็น 2 แบรนด์จีน ซึ่งติดอยู่ใน 10 อันดับแรกแบรนด์ที่มูลค่าสูงที่สุดของโลก ในการจัดอันดับของ “แบรนด์ซี” ประจำปี 2019 นี้ โดยเฉพาะอาลีบาบานั้น มูลค่าแบรนด์เติบโตขึ้นถึง 16% อยู่ที่ 131,200 ล้านดอลลาร์ จึงพุ่งขึ้น 2 อันดับ มาอยู่ที่ 7
2 บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน คือ อาลีบาบา (Alibaba) ผู้โด่งดังด้านอีคอมเมิร์ซ และ เทนเซ็นต์ (Tencent) ผู้นำในการให้บริการหลากหลายทางอินเทอร์เน็ต ติดกลุ่มท็อป 10 แบรนด์มูลค่าสูงที่สุดของโลกในการจัดอันดับล่าสุดประจำปีนี้ สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา
อาลีบาบา ที่มูลค่าของเบรนด์เติบโตถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จนอยู่ในระดับ 131,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงสามารถขยับเลื่อนขึ้น 2 ลำดับมาอยู่ที่อันดับ 7 ในคราวนี้ เฉือนแซง เทนเซ็นต์ ได้เป็นครั้งแรก รวมทั้งคว้าตำแหน่งแบรนด์ทรงคุณค่าที่สุดของจีนไปครองได้สำเร็จ ทั้งนี้ตามรายงานการจัดอันดับ “100 แบรนด์มูลค่าสูงที่สุดของโลกของ แบรนด์ซี ประจำปี 2019” (2019 BrandZ Top 100 Most Valuable Global Brands) ซึ่งจัดทำโดย ดับเบิลยูพีพี (WPP) กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ กับ แคนตาร์ มิลล์วอร์ด บราวน์ (Kantar Millward Brown) บริษัทวิจัยการตลาดชื่อดังและให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านแบรนด์
เทนเซ็นต์ ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีน มีชื่อเสียงรู้จักกันกว้างขวางจากการเป็นบริษัทเทคโนโลยีซึ่งมีแอปอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง “วีแชท” (WeChat) เข้าป้ายในอันดับ 8 ของการจัดลำดับปีนี้ หล่นลงจากปีที่แล้ว 3 อันดับ โดยมูลค่าแบรนด์ได้ลดต่ำลงมาถึง 27% อยู่ที่ 130,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับอันดับ 1 เป็นของแอมะซอน (Amazon) ด้วยมูลค่าแบรนด์ซึ่งพุ่งพรวดขึ้นอย่างน่าประทับใจ โดยสูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วถึง 52% มาอยู่ที่ 315,500 ล้านดอลลาร์
การคว้าตำแหน่งแชมป์แบรนด์มูลค่าสูงที่สุดในโลกของ แอมะซอน ครั้งนี้ ยังเท่ากับเป็นการทลายการผูกขาดคู่ของ แอปเปิล และ กูเกิล ซึ่งเป็นผู้ครองอันดับ 1 หรือไม่ก็อันดับ 2 มาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการเจาะทะลวงการผูกขาดเป็นแชมป์แบรนด์มูลค่าสูงสุดอันดับ 1 ซึ่งพวกบริษัทเทคผลัดกันครองเรื่อยมานับแต่ที่มีการจัดอันดับรายการ 100 แบรนด์มูลค่าสูงสุดของ แบรนด์ซีนี้เมื่อปี 2006 เป็นปีแรก
การที่มูลค่าแบรนด์ของ แอมะซอน ซึ่งถูกจัดเป็นบริษัทในหมวดหมู่การค้าปลีก มีอัตราการเติบโตอย่างต้องถือเป็นปรากฏการณ์ในปีที่แล้ว โดยโตขึ้นถึงเกือบๆ 108,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการสาธิตให้เห็นว่าเวลานี้มูลค่าแบรนด์ต่างๆ ปักหลักติดแน่นอยู่กับหมวดหมู่อุตสาหกรรมและกับเขตภูมิภาค ลดน้อยลงไปแค่ไหน” โดรีน แวง (Doreen Wang) ผู้อำนวยการทั่วโลกของแบรนด์ซี ของค่ายแคนตาร์ กล่าวเช่นนี้ในคำแถลงซึ่งเผยแพร่ทางออนไลน์
ทั้งนี้ เห็นกันว่ามูลค่าแบรนด์ของ แอมะซอน ที่สูงปริ๊ดขึ้นเช่นนี้ได้ มาจากการเติบโตขยายตัวเข้าไปในกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันอย่างเหมาะสม ซึ่งพวกนักวิจัยการตลาดเรียกกันว่า “ecosystem brand” นั่นคือจากที่ แอมะซอน เคยเสนอบริการพียงแค่การค้าปลีกทางออนไลน์ และบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง (simple cloud computing service) ไม่กี่อย่าง เมื่อตอนที่มีการจัดอันดับเช่นนี้ขึ้นมาครั้งแรกในปี 2006 แต่ตอนนี้บริษัทกำลังเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีการเชื่อมโยงต่อเนื่องกันอย่างกว้างขวางหลายหลาย เฉพาะตัวเด่นๆ ใหม่ๆ ที่กำลังถูกจับตามองกัน ก็ได้แก่ ออโรรา (Aurora) สตาร์ทอัปด้านรถยนต์ไร้คนขับ, ริเวียน (Rivian) บริษัทรถบรรทุกเครื่องยนต์ไฟฟ้า, และ แอมะซอน แอร์ (Amazon Air) ธุรกิจด้านอากาศยาน
ถึงแม้พวกบริษัทในหมวดหมู่เทคโนโลยีจะสูญเสียตำแหน่งแบรนด์มูลค่าสูงสุดอันดับ 1 ไปในปีนี้ ก็ยังคงปรากฏว่ารายชื่อในท็อป 10 เป็นบริษัทเทคโนโลยีถึง 5 ราย ได้แก่ อันดับ 2 แอปเปิล, อันดับ 3 กูเกิล, อันดับ 4 ไมโครซอฟท์, อันดับ 6 เฟซบุ๊ก, และอันดับ 8 เทนเซ็นต์
ในท็อป 10 นั้น ถัดจาก แอมะซอน ซึ่งเติบโต 52% มีมูลค่าแบรนด์ 315,500 ล้านดอลลาร์แล้ว อันดับ 2 ได้แก่ แอปเปิล ที่เติบโต 3% ส่งผลให้มูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 309,500 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ กูเกิล อยู่ที่ 3 เติบโต 2% มูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 309,000 ล้านดอลลาร์ ด้านไมโครซอฟท์ติดอันดับ 4 เติบโต 25% อยู่ที่ 251,200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อันดับ 5 เป็นของบริษัทบริการด้านชำระเงินอย่าง วีซา ที่เติบโต 22% อยู่ที่ 177,900 ล้านดอลลาร์
อันดับ 6 คือ เฟซบุ๊ก ถึงแม้ปีนี้เติบโตติดลบ 2% มูลค่าแบรนด์เหลือ 158,900 ล้านดอลลาร์ อันดับ 7 เป็น อาลีบาบา ที่ถูกจัดเป็นกิจการในหมวดหมู่การค้าปลีก แล้วตามด้วย เทนเซ็นต์ สำหรับอันดับ 9 ได้แก่ แมคโดนัลด์ส บริษัทหมวดหมู่อาหารฟาสต์ฟู้ดส์ ซึ่งมีอัตราเติบโต 3% มูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 130,300 ล้านดอลลาร์ ส่วนอันดับ 10 คือ เอทีแอนด์ที บริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม อัตราเติบโต 2% มูลค่าแบรนด์ 108,300 ล้านดอลลาร์
การจัดอันดับในปีนี้โดยรวม สะท้อนให้เห็นรูปร่างลักษณะของเศรษฐกิจผู้บริโภคระดับโลก ซึ่งเวลานี้ยังคงครอบงำโดยพวกบริษัทสหรัฐฯ ทว่าแบรนด์ของบริษัทจีนก็กำลังเพิ่มความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่มีแบรนด์แดนมังกรติดอันดับท็อป 100 ในปีนี้เป็นจำนวน 15 แบรนด์ เปรียบเทียบกับที่มีเพียงแบรนด์เดียวเท่านั้นเมื่อปี 2006 ทั้งนี้แบรนด์แดนมังกรซึ่งมีมูลค่าสูงสุดติดอันดับเป็นครั้งแรกในปีนี้ มีอาทิ ตีตี ชูซิง (Didi Chuxing) แบรนด์ให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร และ เสียวมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน
สำหรับการจัดอันดับแบรนด์มูลค่าสูงที่สุดของโลกของ แบรนด์ซี นี้ แคนตาร์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือของดับเบิลยูพีพี ได้จัดทำมาตั้งแต่ปี 2006 โดยวิธีการในคำนวณมูลค่าซึ่งแบรนด์หนึ่งๆ สร้างขึ้นมาให้กับธุรกิจนั้นๆ ใช้วิธีนำเอาข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทางการตลาด มาผสมรวมกับการสำรวจความเห็นเกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆของผู้บริโภคจำนวนเกือบๆ 4 ล้านรายใน 51 ประเทศ
(เพิ่มเติมข้อมูลบางส่วนจากรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ft.com/content/3a3419f4-78b1-11e9-be7d-6d846537acab )
