'เนทันยาฮู' เปิดชุมชนยิวแห่งใหม่บนที่ราบสูงโกลัน ตั้งชื่อ 'ทรัมป์ ไฮต์ส'

เอเอฟพี - นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลเปิดตัวถิ่นฐานชาวยิวแห่งใหม่บนที่ราบสูงโกลันเมื่อวันอาทิตย์ (16 มิ.ย.) โดยตั้งชื่อว่า ‘ทรัมป์ ไฮต์ส’ (Trump Heights) เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ผู้เป็น ‘มิตรที่ยิ่งใหญ่’ ของอิสราเอล

เนทันยาฮู เป็นประธานในพิธีเปิดป้าย ‘ทรัมป์ ไฮต์ส’ ซึ่งมีการสลักรูปธงชาติอิสราเอลและสหรัฐฯ เคียงคู่กัน ณ บริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งชุมชนชาวยิวแห่งใหม่

“ขอบคุณนายกรัฐมนตรี @netanyahu และรัฐบาลอิสราเอลที่ให้เกียรติแก่ผมอย่างมาก!” ทรัมป์ ทวีตข้อความ

ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศรับรองอธิปไตยของอิสราเอลเหนือที่ราบสูงโกลันเมื่อปลายเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยดินแดนส่วนนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อิสราเอลยึดมาจากซีเรียในช่วงสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967

ท่าทีของ ทรัมป์ ทำให้สหรัฐฯ ต้องถูกโดดเดี่ยวในจุดยืนเรื่องที่ราบสูงโกลัน โดยองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รวมถึงชาติพันธมิตรอย่างฝรั่งเศสและอังกฤษประกาศชัดเจนว่า พวกเขายังคงถือว่าที่ราบสูงโกลันเป็นแค่ดินแดนที่ถูก ‘ยึดครอง’ โดยอิสราเอล

นายกฯ ยิวประกาศกร้าวว่า “ที่ราบสูงโกลันคือดินแดนของอิสราเอล และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป” พร้อมกับยกย่อง ทรัมป์ ว่าเป็น “มิตรที่ยิ่งใหญ่ของอิสราเอล ผู้ซึ่งตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน”

คณะรัฐมนตรีอิสราเอลได้เปิดประชุมภายในเตนท์ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของที่ราบสูงโกลันเพื่อร่วมกันตั้งชื่อชุมชนชาวยิวแห่งใหม่ โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เดวิด ฟรีดแมน ร่วมเป็นสักขีพยาน

ฟรีดแมน ชี้ว่า การนำชื่อ ทรัมป์ มาตั้งเป็นชื่อชุมชนชาวยิวแห่งใหม่ถือเป็น “การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่ไม่ธรรมดา”

งานก่อสร้างชุมชนจะมีขึ้นในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันมีชาวยิวอาศัยอยู่เพียง 4 ครอบครัว

นายกฯ อิสราเอลระบุว่า ชุมชนชาวยิวแห่งใหม่จะเป็นจุดเริ่มต้นสู่การพัฒนาที่ราบสูงโกลัน พร้อมให้สัญญาว่าจะทุ่มเทงบประมาณก่อสร้างบ้านเรือน ถนน สถานศึกษา รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ

ที่ราบสูงโกลันส่วนที่อยู่ในการควบคุมของอิสราเอลยังมีชาวดรูซ (Druze) ซึ่งเป็นชาวมุสลิมอาหรับกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ราว 23,000 คน ขณะที่ชาวยิวราว 25,000 คนเริ่มเข้าไปตั้งถิ่นฐานที่นี่ตั้งแต่ปี 1967

เนทันยาฮู ระบุว่า ทรัมป์ “ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งถึงความตั้งใจที่จะปกป้องความมั่นคงและอนาคตของอิสราเอล” โดยอ้างไปถึงตอนที่ผู้นำสหรัฐฯ สั่งย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลมเมื่อเดือน พ.ค. ปี 2018

คำสั่งย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ถือเป็นการฝ่าฝืนฉันทามติของนานาชาติ ซึ่งไม่เคยให้การรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงรัฐยิว

อิสราเอลเข้ายึดเยรูซาเลมฝั่งตะวันออกซึ่งเป็นย่านคนอาหรับระหว่างสงคราม 6 วันเมื่อปี 1967 และประกาศในปี 1980 ว่าพื้นที่เยรูซาเลมทั้งหมดถือเป็น “เมืองหลวงตลอดกาลของอิสราเอลอันจะแบ่งแยกมิได้” ขณะที่ชาวปาเลสไตน์เองก็ต้องการได้เยรูซาเลมฝั่งตะวันออกเป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต