เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อแมนดา น็อกซ์ เดินทางกลับไปอิตาลีอีกครั้งหลังจากเธอได้รับการปล่อยตัวพ้นผิดในข้อหาสังหารรูมเมท เมราดิธ เคอร์เชอร์ (Meredith Kercher) นักศึกษาชาวอังกฤษวัย 21 ปีเมื่อปี 2007 ประกาศ สื่อสร้างภาพลบเสมือนว่าเธอเป็นฆาตกรโรคจิตกินคน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้(15 มิ.ย)ว่า อแมนดา น็อกซ์ (Amanda Knox)วัย 31 ปีในปัจจุบัน ได้ออกมาแถลงภายในงานดีเบต "การพิพากษาโดยสื่อ" (Trial by Media) ที่ถูกจัดในเมืองโมเดนา(Modena)อิตาลีว่า สื่อมวลชนสร้างภาพให้เธอเป็น "มนุษย์กินคนสกปรก" (dirty man-eater)
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่น็อกซ์เดินทางมายังอิตาลีหลังจากได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อปี 2015 โดยเธอได้รับการตัดสินว่าไม่มีความผิดในคดีสังหารรูมเมทร่วมห้องนักศึกษาชาวอังกฤษวัย 21 ปี "เมราดิธ เคอร์เชอร์"(Meredith Kercher) ที่พบว่าเป็นศพในสภาพเกือบเปลือยเมื่อวันที่ 1 พ.ย 2007 ในห้องพักที่เปรูจา(Perugia)เมืองมหาวิทยาลัย โดยสภาพศพพบมีร่องรอยฟกช้ำและบาดแผลจากมีดของมีคม รวมไปถึงร่องรอยจากการถูกทำร้ายทางเพศ
ซึ่งในต้นสัปดาห์นี้ ฟรานเซสโก มาเรสกา(Francesco Maresca) ทนายความของเคอร์เชอร์สออกมาแถลงว่า การปรากฎตัวของ อแมนดา น็อกซ์ ต่อสาธารณะถือเป็นความเจ็บปวดของครอบครัว
ทางมาเรสกากล่าวว่า การเดินทางกลับเข้ามายังอิตาลีของน็อกซ์ และยังเข้าร่วมการประชุมนั้นถือว่าไม่มีความเหมาะสม โดยชี้ว่า ไม่สมเหตุสมผลเพราะคดีของเธอไม่สามารถถูกมองว่าเป็นคดีที่สมควรต้องได้รับการจดจำในความผิดพลาดของกระบวนการทางยุติธรรม แต่เป็นการตัดสินแบบไม่เป็นไปในทางเดียวกัน เป็นเพราะผู้พิพากษาบางส่วนตัดสินไปในทางหนึ่ง ในขณะที่อีกบางส่วนตัดสินในทางตรงกันข้าม
น็อกซ์ อดีตนักศึกษาอเมริกันในอิตาลีเมื่อครั้งเกิดเหตุ ยังคงยืนยันความบริสุทธิของตัวเอง ได้แสดงความรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ตัวเองถูกตัดสินว่ามีความผิดในครั้งแรกและถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 26 ปีในเรือนจำเมื่อปี 2009
"ความบริสุทธิของดิฉันไม่สามารถช่วยดิฉันไว้ได้ เป็นเพราะสื่อมวลชนได้สร้างเรื่องราว...และผู้คนชอบกับเรื่องนั้น" และเสริมต่อว่า "ดิฉันกลายเป็น มนุษย์กินคนสกปรก สุนัขจิ้งจอกน็อกซ์"
โดยในการขึ้นกล่าวต่อหน้าผู้เข้าร่วมงานในวันเสาร์(15) น็อกซ์ชี้ว่าเธอตกเป็นเหยื่อของการสร้างเรื่องที่มีเนื้อหาชวนเชื่อในขณะที่เธอถูกจำคุกแทนที่จะทำการตรวจสอบหลักฐานในคดีนี้ และยังกล่าวไปถึงครอบครัวว่า ต้องตกอยู่ในฝันร้ายจากการกระทำของสื่อ
"ดิฉันไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิจนกระทั่งถูกพิสูจน์ว่ามีความผิด ดิฉันเป็นโสเภณีใช้ยาเสพติดที่ชาญฉลาด ซึ่งมันไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงแต่ทำให้ผู้คนเกิดจินตนาการ ภาพที่ทำลายเกียรติและอื้อฉาวเหล่านี้เข้าไปถึงด้านในของห้องพิจารณาคดี การสอบสวนถูกปนเปื้อน และลูกขุนฉ้อฉล มันเป็นการยากสำหรับดิฉันที่จะได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรม"
ในการขึ้นกล่าวเมื่อวานนี้(15) อดีตนักศึกษาแลกเปลี่ยบอเมริกันที่ถูกสั่งลงโทษถึง 2 ครั้งและถูกสั่งให้พ้นผิดถึง 2 ครั้งได้กล่าวถึงเหตุที่เกิดขึ้นว่า ในวันที่ 1 พ.ย 2007 รูดี กูเอเด (Rudy Guede) ซึ่งเป็นชาวไอเวอรีโคสต์อาศัยอยู่ในเมืองเปรูจา โดยเธอเรียกเขาว่า "ไอ้หัวขโมย" บุกเข้าไปภายในบ้านและทำการลงมือข่มขืนและฆ่าเพื่อนร่วมบ้านพักของเธอ "เมราดิธ เคอร์เชอร์ส" นักศึกษาชาวอังกฤษวัย 21 ปี หลักบาน DNAของเขาถูกทิ้งไว้ และตัวคนร้ายได้แอบหลบหนีออกนอกประเทศ
ชายผู้นี้ถูกไต่สวนและลงโทษ แต่ถึงแม้จะมีความสนใจเป็นอย่างมากต่อคดีนี้ แต่ไม่มีคนจำนวนมากนักที่ได้ยินชื่อ รูดี กูเอเด โดยเธอชี้ว่า เป็นเพราะสื่อมวลชนเพ่งเล็งมาที่ตัวเธอ
ทั้งนี้พบว่าตัวเธอและแฟนหนุ่มในเวลานั้น ราฟาเอล โซลเลซิโต (Raffaele Sollecito) วัย 31 ปี ต่างต้องอย่ในเรือนจำอิตาลีนาน 4 ปีหลังถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆ่า เมราดิธ เคอร์เชอร์
โดยในวันเสาร์(15) น็อกซ์กล่าวว่า "พวกเขาจับแพทริค ราฟาเอล และดิฉัน" และเสริมต่อว่า "และในวันถัดมาพวกเขาจัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศว่าคดีนี้ปิดแล้ว"
สื่ออังกฤษชี้ว่า น็อกซ์ได้กล่าวหา แพทริค ลูมัมบา( Patrick Lumumba) เจ้าของบาร์ว่ากระทำความผิด และส่งให้ชายผู้นี้ต้องอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 สัปดาห์แต่ได้รับการปล่อยตัวออกมาหลังจากมีคนยืนยันคำให้การของเขา ซึ่งในเวลานั้น น็อกซ์อ้างว่าเธอปิดหูระหว่างที่ลูมัมบากำลังสังหาร แต่ในภายหลังน็อกซ์กล่าวว่า เธอต้องบอกไปเช่นนั้นเป็นเพราะถูกตำรวจกดดัน
ทั้งตัวน็อกซ์และแฟนหนุ่มถูกตัดสินให้ปล่อยตัวในปี 2011 แต่ต้องถูกลงโทษจำคุกอีกครั้งจากศาลอุทธรณ์เมืองฟลอเรนซ์ในปี 2014 แต่ได้รับการถูกตัดสินให้เป็นอิสระในปี 2015 จากศาลสูงอิตาลี โดยชี้ว่ามีช่องโหว่เป็นอย่างมากในกระบวนการสอบสวน
ด้านผู้จัดงาน อิตาลี อินโนเซนซ์ โปรเจกต์( Italy Innocence Project) ได้รับการตำหนิเป็นอย่างมากจากการที่เชิญอแมนดา น็อกซ์เข้าร่วมงาน
"ไม่มีระบบที่สมบูรณ์และคดีนี้ไม่ได้ปิดอย่างสมบูรณ์" เธอกล่าว และเสริมว่า "มีความสับสนเป็นอย่างมากและครอบครัวเคอร์เชอร์ต้องทนอยู่กับความวิตกกังวลนี้...ในข้อมูลที่เป็นเท็จ..ดิฉันรู้สึกเสียใจกับพวกเขา แต่นักฆ่าอยู่ในเรือนจำ"
เรื่องราวของอแมนดา น็อกซ์ถูกเผยแพร่ทาง NETFLIX และหนังสือความทรงจำ
