เอเอฟพี - ประธานาธิบดี จาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำขวาจัดบราซิล ออกมาวิจารณ์คำสั่งศาลสูงสุดที่กำหนดให้การเกลียดชังคนรักเพศเดียวกัน (homophobia) เป็นอาชญากรรม พร้อมเตือนว่ามาตรการนี้อาจส่งผลเสีย เพราะจะทำให้บริษัทต่างๆ ไม่อยากจ้างคนกลุ่มนี้เข้าทำงาน
โบลโซนาโร ซึ่งเคยมีประวัติพูดจาเหยียดชาวสีม่วง และถึงขั้นประกาศจะฆ่าลูกชายทิ้งเสียดีกว่าปล่อยให้เป็นเกย์ ชี้ว่าสิ่งที่ศาลสูงสุดทำลงไปนั้น “ผิดพลาดอย่างที่สุด” เพราะเป็นการละเมิดอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ
ศาลสูงสุดได้มีมติเห็นชอบ 8 ต่อ 3 เสียงเมื่อวันพฤหัสบดี (13 มิ.ย.) ให้ความเกลียดชังคนรักเพศเดียวกันถือเป็นอาชญากรรมเทียบเท่าการเหยียดเชื้อชาติ (racism) จนกว่ารัฐสภาซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายอนุรักษนิยมและคริสตจักรอีแวนเจลิกจะมีการออกกฎหมายเอาผิดการกีดกันลักษณะนี้อย่างเฉพาะเจาะจง
คำสั่งศาลสูงสุดทำให้บราซิลกลายเป็นอีกประเทศในละตินอเมริกาที่เริ่มออกมาตรการปกป้องสิทธิกลุ่มคน LGBT
ผู้นำบราซิลให้สัมภาษณ์วานนี้ (14) ว่า หลังจากนี้นายจ้างทุกรายคงจะต้อง “คิดหนัก” ก่อนจ้างเกย์เข้าทำงาน เพราะกลัวจะถูกครหาว่าเกลียดชังรักร่วมเพศ
โบลโซนาโร ยังเสนอให้มีการแต่งตั้งผู้พิพากษาที่เคร่งศาสนาเข้าไปนั่งในศาลสูงสุดเพื่อสร้าง “สมดุล”
ผู้พิพากษา 3 รายที่โหวตคัดค้านคำสั่งศาลสูงสุดอ้างว่า การกำหนดโทษทางอาญานั้นเป็นหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ใช่ศาล
“รัฐสภาเท่านั้นที่มีอำนาจในการกำหนดนิยามของอาชญากรรมและบทลงโทษ และมีเพียงรัฐสภาเท่านั้นที่จะออกกฎหมายกำหนดโทษทางอาญาได้” ผู้พิพากษา ริคาร์โด เลวันโดวสกี กล่าว
ข้อมูลจาก Grupo Gay de Bahia ซึ่งเป็นเอ็นจีโอในบราซิลที่เก็บรวบรวมสถิติในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาพบว่า ในปี 2017 มีผู้ถูกฆาตกรรม 387 ราย และฆ่าตัวตายอีก 58 รายจากความเกลียดชังรักร่วมเพศ เพิ่มขึ้นราวๆ 30% จากปี 2016 หรือเฉลี่ยเท่ากับการเสียชีวิตของ LGBT 1 คนในทุกๆ 19 ชั่วโมง