เอเจนซีส์ – 'ทรัมป์'พูดแบบหน้าชื่น ยินดีรับข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งทางการเมืองจากรัฐบาลต่างชาติ ย้ำไม่ถือเป็นการแทรกแซง หลังจากปฏิเสธเรื่อยมาตลอด 2 ปีว่า มอสโกไม่ได้ช่วยอุ้มตนเองเข้าสู่ทำเนียบขาว ด้านผู้สมัครสำคัญของพรรคเดโมแครตออกโรงตำหนิทรัมป์ปล่อยให้ต่างชาติป่วนการเลือกตั้ง
เรื่องทีมรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีการติดต่อกับรัสเซียระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งชิงทำเนียบขาวในปี 2016 นั้น ได้นำไปสู่การสอบสวนของโรเบิร์ต มุลเลอร์ ที่ปรึกษาพิเศษด้านกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับมอสโกแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม นอกจากนั้นยังมีคณะกรรมาธิการหลายชุดของรัฐสภาดำเนินการไต่สวนตรวจสอบแม้จนกระทั่งถึงขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกกรณีรัสเซียเฝ้าตามหลอกหลอนตลอด 2 ปีแรกแห่งการเป็นประธานาธิบดีของตน แต่จากการแสดงความคิดเห็นล่าสุดคราวนี้ บ่งชี้ให้เห็นว่าเขายังคงมีความคิดว่า การที่ผู้สมัครเพื่อดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสหรัฐฯ จะรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างชาติเพื่อใช้เล่นงานคู่แข่งขันนั้น ไม่ถือว่าเป็นความผิด
“ผมคิดว่า คุณน่าจะอยากรับฟัง … การรับฟังไม่เห็นผิดตรงไหน” ทรัมป์ตอบเช่นนี้เมื่อถูกถามโดยฝ่ายข่าวของเครือข่ายโทรทัศน์เอบีซีว่า เขาจะทำอย่างไรถ้ามีประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างเช่นรัสเซียหรือจีน เสนอให้ข้อมูลเกี่ยวกับคู่แข่งทางการเมืองแก่เขา
เขาปฏิเสธว่า ตัวอย่างที่หยิบยกขึ้นมาถามนี้ ไม่ได้หมายความวาต่างชาติกำลังเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ
“มันไม่ใช่การแทรกแซง พวกเขามีข้อมูลข่าวสาร—ซึ่งผมคิดว่าผมก็อยากจะได้มัน” ทรัมป์กล่าว
“ถ้าผมคิดว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ผมก็จะไปหา อาจจะไปหาเอฟบีไอ – ถ้าผมคิดว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง” เขาบอก
ทรัมยังคัดค้านการให้ปากคำของ คริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เมื่อเดือนที่แล้ว ที่ว่า ทีมหาเสียงของนักการเมืองควรติดต่อเอฟบีไอ หากพบการสื่อสารที่น่าสงสัยกับรัฐบาลต่างชาติ
ภายหลังการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ของทรัมป์ โจ ไบเอน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งถือเป็นตัวเก็งคนหนึ่งที่อาจจะได้เป็นผู้สมัครของพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2020 ได้กล่าวโจมตีว่า ทรัมป์กำลังยินดีให้ต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ นี่ไม่ใช่แค่ประเด็นทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังคุกคามความมั่นคงของประเทศ
“ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ควรขอความช่วยเหลือและสนับสนุนประเทศที่บ่อนทำลายประชาธิปไตยของอเมริกา” ไบเดนทวิต
ทางด้านเอลิซาเบธ วอร์เรน สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ที่ประกาศลงสมัครเพื่อเป็นตัวแทนของพรรคชิงทำเนียบขาวเช่นเดียวกัน ก็ได้ถือโอกาสนี้ตอกย้ำข้อเรียกร้องให้สภาเดินหน้าดำเนินการถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ข้อความในทวิตเตอร์ของวอร์เรนระบุว่า “รายงานผลการสอบสวนของมุลเลอร์ชี้ชัดว่า รัฐบาลต่างชาติได้เข้าโจมตีการเลือกตั้งของเราในปี 2016 เพื่อสนับสนุนทรัมป์ แล้วเจ้าตัวยังยินดีรับความช่วยเหลือนั้น รวมทั้งกระทำการที่เป็นการขัดขวางการสอบสวน แถมตอนนี้ยังบอกว่า จะทำแบบนั้นอีก ถึงเวลาแล้วที่จะถอดถอนโดนัลด์ ทรัมป์”
ในปัจจุบัน สมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภายังคงพยายามรวบรวมหลักฐานและข้อมูลจากการสอบสวนทรัมป์โดยคณะกรรมาธิการหลายชุด ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงของรัสเซีย ขณะเดียวกันก็กำลังถกเถียงกันว่า มีหลักฐานและช่องทางทางการเมืองเพียงพอที่จะยื่นถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้แล้วหรือไม่
การให้สัมภาษณ์เอบีซีนิวส์ของทรัมป์ ยังมีขึ้นวันเดียวกับที่โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของเขา เข้าให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการของวุฒิสภา การให้ปากคำนี้กระทำแบบปิดลับแต่เป็นที่คาดการณ์กันว่า ทรัมป์ จูเนียร์จะถูกซักถามเกี่ยวกับการจัดการพบปะกับทนายความชาวรัสเซียที่ทรัมป์ ทาวเวอร์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2016 ซึ่งมีจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยของทรัมป์ และพอล มานาฟอร์ต ที่ขณะนั้นเป็นผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ อยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยที่ทนายความรัสเซียเสนอให้ข้อมูลเพื่อใช้ในการโจมตีฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
สมาชิกเดโมแครตบางคนสงสัยว่า ทรัมป์ จูเนียร์ โกหกในการให้ปากคำก่อนหน้านี้เมื่อปี 2017 เรื่องที่ว่า เขาและพ่อรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการนัดพบดังกล่าว รวมถึงความสัมพันธ์อื่นๆ ระหว่างทีมหาเสียงของทรัมป์กับมอสโก เนื่องจากแรกเริ่มนั้นทีมงานของทรัมป์พยายามปกปิดการนัดหมายครั้งนั้น โดยให้ข้อมูลขัดแย้งกันเองเกี่ยวกับจุดประสงค์ในการนัดพบและสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการพูดคุย
ทั้งนี้รายงานของมุลเลอร์ให้รายละเอียดว่า ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ เล่าว่า ทรัมป์ จูเนียร์อาจบอกพ่อเกี่ยวกับการนัดพบดังกล่าว ทว่าตัวทรัมป์เองยังคงปฏิเสธว่า ไม่รู้เรื่องการนัดหมายล่วงหน้า