xs
xsm
sm
md
lg

จีนเตรียมสร้างระบบปกป้องเทคโนโลยีชาติ อียูเจอเตือนแบนหัวเว่ยต้นทุนพุ่งหลายหมื่นล้านยูโร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - จีนเตรียมสร้างระบบปกป้องความมั่นคงแห่งชาติด้านเทคโนโลยี ขณะที่สงครามการค้ากับอเมริกาขยายตัวกลายเป็นสงครามเทคโนโลยีโดยมีหัวเว่ยเป็นศูนย์กลาง เวลาเดียวกันก็มีรายงานจากสมาคมตัวแทนผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั่วโลกเตือนว่า การกีดกันบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ของจีนแห่งนี้ รวมถึงบริษัทแดนมังกรใหญ่อีกรายหนึ่งอย่างแซดทีอี จะทำให้พวกผู้ให้บริการมือถือในอียูมีต้นทุนเพิ่มขึ้นหลายหมื่นล้านดอลลาร์ อีกทั้งการให้บริการ 5จีแก่ลูกค้าก็ต้องล่าช้าออกไปถึง 18 เดือน

สำนักข่าวซินหวาของทางการจีนรายงานเมื่อวันเสาร์ (8 มิ.ย.) ว่า คณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานทรงอิทธิพลสังกัดคณะรัฐมนตรีจีน ได้รับมอบหมายให้สร้างระบบจัดทำบัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันและขจัดความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ

รายงานของซินหวาไม่ได้ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสงครามการค้าหรือไม่ แต่บอกว่า จะมีการเปิดเผยมาตรการโดยละเอียดในอนาคตอันใกล้

เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา วอชิงตันและปักกิ่งเปิดสงครามการค้ารอบใหม่หลังการเจรจาในอเมริกาจบลงโดยปราศจากข้อตกลง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และปักกิ่งตอบโต้ด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน

สงครามการค้ายังลุกลามต่อไปอีก ด้วยการที่วอชิงตันขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ โดยอ้างข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ และกระทรวงพาณิชย์บรรจุบริษัทโทรคมนาคมจีนแห่งนี้อยู่ใน “รายชื่อบุคคลและบริษัท” ที่ไม่สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนที่ผลิตและเทคโนโลยีของสหรัฐฯได้ยกเว้นได้รับอนุญาตจากวอชิงตัน ก่อนที่จะสั่งชะลอการบังคับใช้มาตรการอย่างหลังนี้ออกไป 90 วัน

จากนั้น หู สีจิน บรรณาธิการโกลบัล ไทมส์ หนังสือพิมพ์ในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แสดงความเห็นว่า จีนกำลังสร้างกลไกในการบริหารจัดการเพื่อปกป้องเทคโนโลยีสำคัญของประเทศ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงระบบและรับมือกับการรังแกกีดกันของอเมริกา โดยหากระบบนี้มีผลบังคับใช้จะนำไปสู่การควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีบางอย่างให้แก่อเมริกา

จีนนั้นกล่าวหาทรัมป์ว่า ต้องการขัดขวางพัฒนาการของหัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระบบ 5จีของโลก และเมื่อวันพฤหัสบดี (6) ที่ผ่านมาปักกิ่งประกาศว่า กำลังร่างรายชื่อบริษัทต่างชาติที่ “ไม่น่าไว้วางใจ”

ทั้งนี้เชื่อกันว่าผู้ที่จะถูกขึ้นบัญชีของฝ่ายจีนนี้น่าจะเป็นบริษัทอเมริกันและบริษัทของประเทศต่างๆ ที่ยุติการป้อนอุปกรณ์และเทคโนโลยีให้หัวเว่ย

ทางด้าน สมาคมจีเอสเอ็ม (จีเอสเอ็มเอ) ที่เป็นตัวแทนผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือทั่วโลก ออกรายงานว่า ถ้าหากสหภาพยุโรปสั่งห้ามหัวเว่ย และแซดทีอี ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่ของจีนอีกรายหนึ่ง ไม่ให้เข้าร่วมเครือข่าย 5จี จะทำให้ผู้ให้บริการมือถือในอียู มีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นถึง 55,000 ล้านยูโร (62,000 ล้านดอลลาร์) รวมทั้งทำให้การให้บริการ 5จีแก่ลูกค้าต้องล่าช้าออกไปถึง 18 เดือน

รายงานการประเมินผลกระทบจากการแบนหัวเว่ยฉบับนี้ ซึ่งเอเอฟพีได้เห็นเมื่อวันศุกร์ (7) ที่ผ่านมา อิงอยู่กับสถานการณ์ที่อเมริกาเรียกร้องให้บริษัทในยุโรปและประเทศพันธมิตรอื่นๆ ปิดกั้นหัวเว่ยในฐานะซัปพลายเออร์อุปกรณ์ 5จี ด้วยข้ออ้างว่าจะทำให้ระบบข่าวกรองจะถูกสอดแนม

จีเอสเอ็มเอบอกในรายงานด้วยว่า อิริกสันของสวีเดน, โนเกียของฟินแลนด์ และซัมซุงของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทอีก 3 รายในโลกนอกเหนือจากบริษัทของจีน ที่กำลังพัฒนา 5 จี นั้น ไม่มีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากเครือข่าย 3จีและ 4จี ไปเป็น 5จี ทั้งหมดในยุโรป ขณะที่กำลังดำเนินการตามสัญญาที่ลงนามไปแล้วในอเมริกาเหนือและเอเชีย

ข้อติดขัดดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการที่ไม่สามารถใช้หัวเว่ยและแซดทีอีได้ ต้องมีต้นทุนเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งยังเกิดความล่าช้า ถึงแม้สถานการณ์ในแต่ละประเทศอียูอาจจะมีความแตกต่างกันไป

นอกจากนั้น การแบนบริษัทจีนทั้งสองแห่งยังส่งผลให้การแข่งขันในตลาดอุปกรณ์มือถือหย่อนคายลง ผลลัพธ์คือราคาแพงขึ้น และต้นทุนการเปิดตัวเครือข่าย 5จีก็จะเพิ่มขึ้น ขณะการยอมรับเครือข่ายสื่อสารใหม่ชะลอลง ช่องว่างด้านประสิทธิภาพระหว่างอียูและอเมริกากว้างขึ้น

ปัจจุบัน อียูและชาติสมาชิกยังไม่ได้แสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการว่า จะตามรอยอเมริกาด้วยการแบนอุปกรณ์หัวเว่ยในเครือข่ายสื่อสารหรือไม่ อย่างไรก็ดี ผู้ให้บริการบางราย เช่น อีอีและโวดาโฟนในอังกฤษ ประกาศแล้วว่าจะไม่ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยเมื่อให้บริการ 5จี


กำลังโหลดความคิดเห็น