เอเจนซีส์ – ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการแบงก์ชาติกลุ่มประเทศ G20 เห็นพ้องความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ลุกลามรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม อเมริกายืนกรานให้ตัดข้อความเรียกร้องการแก้ไขสถานการณ์เหล่านั้นโดยเร็วออกจากร่างแถลงการณ์สุดท้าย ขุนคลังสหรัฐฯ ระบุพร้อมขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่หากผู้นำแดนมังกรไม่สามารถตกลงกับทรัมป์ได้ในการพบกันระหว่างซัมมิต G20 ปลายเดือนนี้
หลังจากโต้เถียงในบรรยากาศตึงเครียดนานถึง 30 ชั่วโมง ในที่สุดเมื่อวันอาทิตย์ (9 มิ.ย.) ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการแบงก์ชาติกลุ่ม G20 ที่จัดขึ้นในฟูอูโอกะ ทางใต้ของญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์โดยอ้างอิงถ้อยคำเดิมในการประชุมที่บูเอโนสไอเรสเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ว่าการเติบโตของโลกมีเสถียรภาพ และโดยทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวในระดับปานกลางช่วงปลายปีนี้และปีหน้า
"อย่างไรก็ตาม การเติบโตยังต่ำและความเสี่ยงโน้มเอียงด้านขาลง ที่สำคัญสุดคือความตึงเครียดทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ซึ่งเราจะต้องจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ต่อไป รวมถึงเตรียมพร้อมในการดำเนินการเพิ่มเติม"
แถลงการณ์ยังระบุว่า ผู้นำทางการคลังของกลุ่ม G20 เห็นพ้องในการรวบรวมกฎเพื่ออุดช่องโหว่ที่บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่ เช่น เฟซบุ๊ก และกูเกิล ใช้ลดภาระภาษี ภายในปี 2020
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอด G20 ที่บูเอโนสไอเรสเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นำมาซึ่งข้อตกลงระงับสงครามการค้าจีน-อเมริกาชั่วคราว เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาหาข้อยุติ แต่การเจรจาหยุดชะงักลงในเดือนที่ผ่านมาและทั้งสองชาติเปิดฉากรีดภาษีศุลกากรกันระลอกใหม่
ข้อความว่า "G20 ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการผ่อนคลายความตึงเครียดทางการค้า" ถูกตัดออกจากร่างแถลงการณ์สุดท้ายของผู้นำทางการคลัง G20 ตามการยืนกรานของอเมริการะหว่างการถกเถียงเมื่อวันเสาร์ (8 มิ.ย.) เช่นเดียวกับการยอมรับว่า ข้อพิพาททางการค้าอเมริกา-จีนที่ลุกลามกำลังส่งผลกระทบต่อการเติบโตของโลก
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ความขัดแย้งทางการค้าจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าลดลง และตลาดเงินถูกเทขายอย่างหนักจากความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีน
อย่างไรก็ตาม สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันเสาร์ ระบุไม่ได้รับข้อมูลว่า การเติบโตของอเมริกาได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้า และรัฐบาลจะดำเนินการขั้นตอนต่างๆ เพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการขึ้นภาษีศุลกากร
ผลพวงที่ลุกลามจากสงครามการค้าอเมริกา-จีน กำลังทดสอบความสามารถของ G20 ในการแสดงความสามัคคี ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า บรรดาผู้วางนโยบายจะสามารถปกป้องไม่ให้เศรษฐกิจโลกถดถอยได้หรือไม่
แต่การโต้เถียงเกี่ยวกับถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ในส่วนข้อพิพาททางการค้า ดับความหวังของญี่ปุ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานการประชุม G20 ปีนี้ ด้วยการลดบทบาทของประเด็นการค้าในวาระการประชุม
นอกจากนั้นมนูชินยังเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพบกับสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ระหว่างการประชุมสุดยอด G20 ที่โอซากาในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้ ที่จะเป็นเหตุการณ์คู่ขนานกับซัมมิต G20 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2018 ในเมืองหลวงของอาร์เจนตินา ซึ่งขณะนั้นทรัมป์กำลังเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์
ช่วงเดือนที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่งสั่งรีดภาษีสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และเล็งขึ้นภาษี 25% กับสินค้าจีนที่เหลืออีก 300,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกับซัมมิตที่โอซากา หากทรัมป์และสีไม่สามารถตกลงกันได้
ถึงกระนั้น มนูชินระบุทางทวิตเตอร์ในวันอาทิตย์ว่า ได้หารืออย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมาในประเด็นการค้ากับ อี้ กัง ผู้ว่าการแบงก์ชาติจีน
ขุนคลังสหรัฐฯ ยังมองต่างมุมกับผู้วางนโยบายจากชาติอื่นๆ โดยระบุว่า ภาวะชะลอตัวในบางประเทศไม่ได้เกิดจากปัญหาการค้า มิหนำซ้ำยังระบุว่า ข้อขัดแย้งดังกล่าวอาจเป็นประโยชน์ต่อบางประเทศ กรณีที่บริษัทต่างๆ ย้ายการผลิตจากจีนไปยังประเทศเหล่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีศุลกากร
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ G20 หารือถึงความท้าทายและโอกาสจากสังคมชราภาพ โดยมีการเสนอแนะให้เปิดรับผู้หญิงและผู้สูงวัยเข้าทำงานมากขึ้น และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อผู้สูงวัย รวมทั้งปฏิรูประบบการคลังและการธนาคารเพื่อรองรับประชากรสูงวัย