เอเจนซีส์ – ทรัมป์ให้คำมั่นสร้าง “ปรากฏการณ์” ข้อตกลงการค้ากับอังกฤษหลังเบร็กซิต ระหว่างพบกับเมย์ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ที่สั่นคลอนจากจุดยืนที่แตกต่างหลายอย่าง โดยมีการประท้วงต่อต้านผู้นำสหรัฐฯ และวิกฤตการณ์การเมืองแดนผู้ดีเป็นฉากหลัง
ขณะที่บอลลูน “เบบี้ทรัมป์” ลอยเหนือลอนดอน และกลุ่มผู้ประท้วงปักหลักชุมนุมใจกลางเมืองหลวง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษ เมื่อวันอังคาร (4 มิ.ย.) และแถลงข่าวร่วมกันหลังจากนั้น โดยกล่าวว่า อังกฤษและอเมริกาเป็นพันธมิตรยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า การประท้วงของคนนับพันใกล้กับกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่หารืออย่างเป็นทางการกับเมย์ เป็นแค่ “ข่าวปลอม” รวมทั้งปฏิเสธการขอนัดพบเป็นการส่วนตัวของเจเรมี คอร์บิน ผู้นำพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอังกฤษ ที่ก่อนหน้านี้วิจารณ์นโยบายของทรัมป์อย่างรุนแรง
การเดินทางเยือนอังกฤษแบบรัฐพิธีเป็นเวลา 3 วันของทรัมป์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์ (3 มิ.ย.) ด้วยการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่พระราชวังบัคกิ้งแฮม และงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการท่ามกลางสมาชิกราชวงศ์เกือบ 200 พระองค์ และครอบครัวทรัมป์ในฐานะอาคันตุกะ
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังพิธีต้อนรับเอิกเกริก อังกฤษกำลังอยู่ในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่นำมาซึ่งความวุ่นวาย และรัฐบาลที่มีสภาพซวนเซขณะที่เหลือเวลาอีก 4 เดือนที่อังกฤษจะสิ้นสุดสถานะสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่ดำเนินมา 4 ทศวรรษ
การพบกันของผู้นำสองชาติมีขึ้นก่อนที่เมย์จะลงจากตำแหน่งผู้นำพรรคอนุรักษนิยมในวันศุกร์ (7 มิ.ย.) แต่จะยังคงอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนกว่าพรรคจะได้ผู้นำคนใหม่ ซึ่งจะรับสืบทอดภารกิจในการตัดสินใจอันยากลำบากก่อนถึงเส้นตายในการถอนตัวจากอียู (เบร็กซิต) อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ตุลาคม หลังจากเลื่อนมาแล้ว 2 ครั้งเนื่องจากเมย์ไม่สามารถผลักดันให้รัฐสภายอมรับข้อตกลงได้
ก่อนเดินทางถึงเมืองผู้ดี ทรัมป์เรียกร้องให้อังกฤษถอนตัวจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง และยังบอกอีกว่า บอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ น่าจะเป็นผู้นำที่ “ยอดเยี่ยม” ที่จะนำอังกฤษออกจากอียู ด้านแหล่งข่าวใกล้ชิดจอห์นสันเผยว่า จอห์นสันและทรัมป์หารือกันทางโทรศัพท์นาน 20 นาทีเมื่อวันอังคาร
ทรัมป์ยังเผยว่า ได้นัดหมายพบปะกับตัวเก็งผู้นำใหม่ของอังกฤษอีก 2 คนคือ ไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม และเจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีต่างประเทศ แม้แต่ไนเจล ฟาราจ ผู้นำพรรคเบร็กซิตที่ชูนโยบายต่อต้านบรัสเซลส์ ก็ยังบอกว่า ได้พบกับทรัมป์ที่ที่พักเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และหารือกันโดยเน้นที่ประเด็นเบร็กซิต ทางด้านสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยว่า ทรัมป์ได้แจ้งเมย์ก่อนว่า จำเป็นต้องพบกับศัตรูทางการเมืองของเมย์
ขณะที่อเมริกาถูกพันธมิตรดั้งเดิมหลายชาติโดดเดี่ยว ทรัมป์ระบุว่า อเมริกามีความสัมพันธ์พิเศษกับอังกฤษ ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับเมย์ พร้อมแสดงความมั่นใจว่า สองประเทศจะหาข้อสรุปร่วมกันได้กรณีหัวเว่ย ที่อเมริกาเคยขู่ว่า อาจทำให้การแบ่งปันข้อมูลลับระหว่างกันสะดุด เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งคู่แทบไม่พาดพิงถึงกรณีอิหร่านซึ่งเป็นอีกประเด็นที่อังกฤษและอเมริกาเห็นต่างกัน
ในส่วนเบร็กซิตนั้น ทรัมป์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะปูทางไปสู่ข้อตกลงการค้าขนาดใหญ่ที่สร้างปรากฏการณ์ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา ซึ่งอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากมูลค่าการค้าระหว่างกันในปัจจุบัน ประมุขทำเนียบขาวยังยกย่องว่า เมย์เป็นผู้นำที่ดีและมีผลงานที่ยอดเยี่ยม ขณะที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษชื่นชมความเป็นพันธมิตรที่มีค่าและลึกซึ้ง และเสริมว่า เพื่อนต้องสามารถพูดคุยอย่างเปิดเผยเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน
ทั้งนี้ ช่วงเย็นวันพุธ (5 มิ.ย.) ทรัมป์มีกำหนดร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ที่พักเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ โดยมีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมาร และคามิเลีย พระชายา เสด็จไปร่วมงานด้วย