เอเอฟพี – นครซิดนีย์ของออสเตรเลียประกาศมาตรการจำกัดการใช้น้ำครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพื่อรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์
ฝ่ายบริหารรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงวันนี้ (28 พ.ค.) ว่า แหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่เกรทเตอร์ซิดนีย์มีปริมาณน้ำสะสมต่ำที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1940 เป็นต้นมา จึงจำเป็นต้องจำกัดการจ่ายน้ำแก่ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
“รัฐนิวเซาท์เวลส์กำลังเผชิญภัยแล้งที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์” เมลินดา พาวีย์ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรน้ำของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุในถ้อยแถลง
“มาตรการจำกัดการจ่ายน้ำในซิดนีย์หมายความว่า ครัวเรือนทั่วรัฐนิวซ์เวลส์จะต้องร่วมด้วยช่วยกันประหยัดน้ำ”
ทั้งนี้ ประชาชนที่เปิดน้ำทิ้งไว้หรือใช้ระบบสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้จะมีโทษปรับสูงสุด 220 ดอลลาร์ออสเตรเลีย และ 550 ดอลลาร์ออสเตรเลียสำหรับภาคธุรกิจ
ออสเตรเลียมีอุณหภูมิพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ปีที่แล้วจนถึง ก.พ. ที่ผ่านมา
การบริหารจัดการน้ำกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในศึกเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังมีปลานับล้านลอยตายเกลื่อนในแม่น้ำเมอร์เรย์และแม่น้ำดาร์ลิง ซึ่งทางการออสเตรเลียเชื่อว่าเกิดจากอัตราการไหลของน้ำและระดับออกซิเจนที่ต่ำเกินไป ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าสภาพอากาศแห้งแล้งบริเวณตอนในของออสเตรเลียฝั่งตะวันออกก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง
ออสเตรเลียมักเผชิญภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่เลวร้ายสุดขั้ว เช่น ไฟป่า น้ำท่วมฉับพลัน และความแห้งแล้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
ซิดนีย์เคยจำกัดการใช้น้ำครั้งล่าสุดเมื่อปี 2009 เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ทั่วแดนจิงโจ้ เพื่อตอบสนองภัยแล้งซึ่งกินระยะเวลานานกว่า 1 ทศวรรษในบางภูมิภาคของออสเตรเลีย