รอยเตอร์ – กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือออกถ้อยแถลงประณาม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวว่า “โง่เขลาสุดๆ” วันนี้ (27พ.ค.) หลังผู้ช่วยสายเหยี่ยวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาโสมแดงว่าละเมิดมติองค์การสหประชาชาติจากการยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนืออ้างถ้อยแถลงจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศซึ่งระบุว่า การเลิกทดสอบขีปนาวุธนั้นเท่ากับละทิ้งสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง
โฆษกโสมแดงผู้นี้ยังวิจารณ์ โบลตัน ว่าพยายาม “บ่อนทำลายความมั่นคงมากกว่าปกป้องรักษา” หลังอีกฝ่ายออกมาให้สัมภาษณ์ว่าการยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือละเมิดมติยูเอ็น “อย่างไม่ต้องสงสัย”
“โบลตัน จงใจกล่าวหาการฝึกซ้อมทางทหารตามปกติของเราว่าเป็นการฝ่าฝืนมติคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น... มันช่างโง่เขลาสุดๆ” โฆษกเกาหลีเหนือกล่าว
เมื่อต้นเดือน พ.ค. กองทัพเกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบจรวดและขีปนาวุธหลายลูก ซึ่งบางส่วนผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นขีปนาวุธนำวิถีที่สามารถฝ่าระบบป้องกันของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ได้
เนื่องจากจรวดเหล่านี้พุ่งออกไปในแนวค่อนข้างราบและระดับต่ำ จึงทำให้เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้บางคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเข้าข่ายเป็น ‘ขีปนาวุธทิ้งตัว’ (ballistic missiles) และเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของยูเอ็น
ทำเนียบขาวแสดงท่าทีไม่ตื่นเต้นกับการทดสอบเหล่านี้ โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ระบุว่าเป็นเพียงขีปนาวุธพิสัยใกล้ และไม่ได้ละเมิดสัญญาที่ผู้นำ คิม จองอึน เคยให้ไว้กับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นและ โบลตัน ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เกาหลีเหนือกำลังฝ่าฝืนมติยูเอ็นอย่างชัดเจน
“การสั่งห้ามยิงทดสอบอะไรก็ตามที่ใช้เทคโนโลยีทิ้งตัว (ballistic technology) แทนที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องพิสัยการยิง ก็เท่ากับเรียกร้องให้เราสละอธิปไตยของตัวเอง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศโสมแดงกล่าว พร้อมย้ำว่ารัฐบาลเปียงยางไม่เคยยอมรับในความชอบด้วยกฎหมายของมติยูเอ็นซึ่งปิดกั้นโครงการพัฒนาขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
โฆษกโสมแดงยังระบุด้วยว่า เป็นที่รู้กันดีในสหรัฐฯ ว่า โบลตัน “เป็นพวกคลั่งสงครามที่คอยเป่าหูประธานาธิบดีให้ทำสงครามอยู่ตลอด”
ผู้นำ คิม เคยประกาศไว้ว่า โครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้นเข้าขั้น “สมบูรณ์แบบ” แล้ว และจะไม่ทำการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธพิสัยไกลอีก ซึ่งตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเขาก็ได้เดินทางไปพบกับ ทรัมป์ ในต่างประเทศถึง 2 ครั้ง เพื่อเจรจาเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์