รอยเตอร์ - พรรคเบร็กซิตภายใต้การนำของ “ไนเจล ฟาราจ” ส่อแววคว้าชัยชนะถล่มทลายในศึกเลือกตั้งรัฐสภายุโรปของอังกฤษ ด้วยอานิสงส์จากความไม่พอใจที่ชาวอังกฤษมีต่อนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ซึ่งล้มเหลวในการนำพาสหราชอาณาจักรถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป
ศึกเลือกตั้งรัฐสภายุโรปที่สหราชอาณาจักรจำใจต้องจัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจาก เมย์ เลื่อนกำหนดเบร็กซิต ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกร้าวลึกภายในเมืองผู้ดี หลังผ่านมาแล้ว 3 ปีจากวันที่ชาวอังกฤษลงประชามติขอถอนตัวจากอียูด้วยคะแนน 52% ต่อ 48%
อันที่จริงแล้วสหราชอาณาจักรมีกำหนดต้องถอนตัวจากอียูตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ที่ยังคาราคาซังอยู่ทุกวันนี้ก็เนื่องจากนักการเมืองอังกฤษยังตกลงกันไม่ได้ว่าควรนำประเทศถอนตัวออกจากกลุ่มอียูที่เข้าร่วมตั้งแต่ปี 1973 หรือไม่ เมื่อไหร่ และอย่างไร
นายกฯ เมย์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24) โดยจะมีผลในวันที่ 7 มิ.ย. พร้อมทั้งแสดงความเสียใจที่ไม่สามารถทำตามเจตนารมณ์ของประชาชนในการนำอังกฤษถอนตัวจากอียู มิหนำซ้ำพรรคคอนเซอร์เวทีฟของเธอยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในศึกเลือกตั้งระดับประเทศ
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วอังกฤษและแคว้นเวลส์ต่างหันหลังให้กับพรรคคอนเซอร์เวทีฟและพรรคแรงงานฝ่ายค้าน ซึ่งสนับสนุนกระบวนการถอนตัวจากอียูแบบนุ่มนวล
พรรคเบร็กซิตได้คะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในศึกเลือกตั้งรัฐสภายุโรปที่อังกฤษจัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามมาด้วยพรรคลิเบอรัลเดโมแครต, พรรคกรีน และพรรคเชนจ์ยูเค ซึ่งรวมกันแล้วได้คะแนนตามหลังพรรคเบร็กซิตอยู่เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์
ฟาราจ ซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปจากภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ เรียกร้องให้พรรคของตนได้มีส่วนร่วมในการเจรจาถอนตัวมากกว่านี้ และเตือนว่าการเมืองอังกฤษจะเผชิญความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หากเบร็กซิตไม่เกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ต.ค.
“เราต้องการมีส่วนร่วมในทีมเจรจา... และหากอังกฤษยังไม่ถอนตัวภายในวันที่ 31 ต.ค. ชัยชนะของพรรคเบร็กซิตในวันนี้จะเกิดซ้ำอีกครั้งในศึกเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งเราพร้อมที่จะก้าวไปสู่สิ่งนั้น” ฟาราจ ให้สัมภาษณ์ที่เมืองเซาแธมป์ตัน
ทั้งนี้ ความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งรัฐสภายุโรปคาดว่าจะทำให้ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟที่ต้องการนั่งเก้าอี้นายกฯ ต่อจาก เมย์ มุ่งมั่นไปสู่การถอนตัวแบบเด็ดขาดมากขึ้น ขณะที่พรรคแรงงานของเจเรมี คอร์บิน ก็เผชิญแรงกดดันให้ต้องแสดงจุดยืนชัดเจนในการเสนอจัดทำประชามติว่าด้วยการเป็นสมาชิกอียูอีกครั้ง
“เรื่องนี้จะต้องถูกนำกลับไปสู่ประชาชน ไม่ว่าจะโดยการเลือกตั้งทั่วไป หรือการทำประชามติ” คอร์บิน ระบุ
ผลเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปของอังกฤษที่ประกาศแล้ว 64 ที่นั่งพบว่า พรรคเบร็กซิตของ ฟาราจ คว้าไป 28 ที่นั่ง ตามมาด้วยพรรคลิเบอรัลเดโมแครต 15 ที่นั่ง, พรรคแรงงาน 10 ที่นั่ง, พรรคกรีน 7 ที่นั่ง, พรรคทอรีส์ 3 ที่นั่ง และพรรค Plaid Cymru ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมเวลส์ 1 ที่นั่ง
บีบีซีคาดการณ์ว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟจะได้ส่วนแบ่งคะแนนเพียง 10-12% ลดลงจากสถิติ 24% เมื่อปี 2014
สหราชอาณาจักรจะต้องเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป 73 คนจากจำนวนสมาชิกในสภาทั้งหมด 751 ที่นั่ง ซึ่งคนเหล่านี้จะไม่มีส่วนกำหนดนโยบายเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศ เช่น เบร็กซิต ทว่าจะมีสิทธิ์เสนอความเห็นเกี่ยวกับนโยบายของอียูโดยรวม ตราบเท่าที่อังกฤษยังคงเป็นสมาชิกอยู่