xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์นอกหน้าต่าง: 'จีน'ตั้งท่าทำศึกการค้าแบบ'ยืดเยื้อ'กับ'สหรัฐฯ'

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


จีนกำลังตั้งท่ารับมือกับระยะเวลาอันยากลำบากที่สายสัมพันธ์กับสหรัฐฯเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ ทั้งด้วยการโหมกระพือกระแสรักชาติโดยนำเอาหนังสงครามเกาหลีกลับมาฉายใหม่ ขณะที่เพลงร้องใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้าก็จับอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนและถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็วกว้างขวาง ทางด้านพวกบทบรรณาธิการของสื่อทางการก็ระดมโจมตีวอชิงตันอย่างรุนแรง

สงครามแห่งถ้อยคำระหว่างประเทศทั้งสองดูทวีความเข้มข้น นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ด้วยข้อกล่าวหาว่าว่าอุปกรณ์ของบริษัทยักษ์ใหญ่สื่อสารรายนี้อาจถูกปักกิ่งใช้เพื่อการสอดแนมล้วงความลับของชาติอื่นๆ ถึงแม้นี่เป็นข้อวิตกซึ่งแม้กระทั่งสื่อมวลชนอเมริกันเองอย่างเช่นสำนักข่าวเอพี ยังท้วงติงอยู่บ่อยๆ ว่าคณะบริหารทรัมป์ไม่เห็นได้เคยแสดงหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมายืนยันให้เห็นจริงกันเลย

ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ ซึ่งมีผลเป็นการสั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯทั้งหลาย ไม่ให้จำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนแบ่งปันเทคโนโลยีซึ่งหัวเว่ยจำเป็นต้องใช้ บังเกิดขึ้นหลังจากทรัมป์สั่งขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเข้าของแดนมังกร ซึ่งเป็นการฉีกข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวที่ทำกันไว้ตอนสิ้นปี 2018 ทำให้ปักกิ่งตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นพิกัดอัตราศุลกากรที่เก็บจากสินค้าเข้าของอเมริกันบ้าง

ขณะที่การเจรจาการค้าตอนกลางเดือนพฤษภาคมซึ่งนับเป็นการเจรจารอบที่ 11 ก็ปิดฉากลงด้วยความล้มเหลว จากนั้นก็ไม่ได้มีการนัดหมายเพื่อพูดคุยกันต่ออีกเลย โดยถึงแม้ทั้งทรัมป์และผู้ช่วยหลายคนของเขาพยายามพูดตีขลุมว่าจะมีการเจรจากัน แต่เห็นได้ชัดว่าปักกิ่งยังไม่ยอมรับลูก และพูดเสียงแข็งว่า ตราบเท่าที่วอชิงตันยังไม่เปลี่ยนท่าทีที่จะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดจากัน

บทวิจารณ์ชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซินหวาของทางการแดนมังกรเมื่อวันศุกร์ (24 พ.ค.) ระบุว่า เวลานี้จีนมี “ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น” เกี่ยวกับ “การใช้อำนาจตามอำเภอใจ” ของสหรัฐฯ และพร้อมแล้วที่จะสู้รบปรบมือด้วยโดยอาศัยจิตวิญญาณแห่ง “การเดินทัพทางไกล” ของตน

เนื้อหาของข้อเขียนนี้เป็นการสะท้อนจุดยืนอันแข็งกร้าวของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตอนที่เขาเรียกร้องบรรดาผู้ปฏิบัติงานของพรรคและรัฐจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้เตรียมตัวเองพรักพร้อมสำหรับ “การเดินทัพทางไกลครั้งใหม่” ทั้งนี้ การเดินทัพทางไกล (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Long March) คือการเท้าความอ้างอิงถึงการถอยทัพทางยุทธศาสตร์ที่กลายเป็นตำนานไปแล้วของพวกนักปฏิวัติคอมมิวนิสต์จีนเมื่อช่วงทศวรรษ 1930 ผู้ซึ่งในเวลาต่อมาสามารถรวมกลุ่มกันได้ใหม่และขยายกำลังของตนออกไปใหม่ จนกระทั่งได้ชัยชนะเป็นผู้ครองแผ่นดินจีนในปี 1949

ทั้งนี้ สียังได้กล่าวเตือนบรรดาเจ้าหน้าที่จีนทั้งหลายให้เตรียมตัวรับมือ เนื่องจากอิทธิพลภายนอกจะ “ส่งผลกระทบที่ซับซ้อนและเป็นระยะเวลายาวนาน”

ระหว่างการแถลงสรุปที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลจีนเมื่อวันพุธ (22) ที่ผ่านมา จาง เหยียนเซิง หัวหน้านักวิจัยของ ศูนย์เพื่อการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีน (China Center for International Economic Exchanges) ก็ระบุว่า สหรัฐฯกับจีนจะ “ก้าวเดินผ่านช่วงระยะเวลาอันยาวนานแห่งการขัดแย้งกันอย่างไม่มีเหตุผล”

“แล้วจากนั้นในระหว่างกระบวนการเช่นนี้ ในลักษณะที่เป็นไปอย่างทีละขั้น … ก็จะบังเกิดความเข้าใจซึ่งกันละกัน, การต่อต้านซึ่งกันและกัน, และ (ในท้ายที่สุด) ก็มีการร่วมมือซึ่งขึ้นและกันขึ้นมา”

'เอาแต่ได้และหยิ่งยโส'

เท่าที่ผ่านมา ทรัมป์ยังคอยแง้มประตูเปิดกว้างเอาไว้สำหรับการรอมชอมกันใหม่ โดยพูดอยู่หลายครั้งว่าเขาอาจจะได้พบหารือกับประธานาธิบดีสี ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายต่างเดินทางไปร่วมการประชุมซัมมิตกลุ่ม จี20 ที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนหน้า

ทว่าขณะที่ทางการจีนยังคงแสดงท่าทีบ่ายเบี่ยง สื่อมวลชนของทางการจีนก็ใช้ถ้อยคำวาจาที่แข็งกร้าวมากขึ้น

บทวิจารณ์ชิ้นหนึ่งของซินหัวที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (23) พูดถึงรัฐบาลสหรัฐฯว่า “เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้และเย่อหยิ่งยโส”

“สหรัฐฯกำลังละเมิดกฎกติการะหว่างประเทศ, กำลังโยนทิ้งข้อตกลงความร่วมไม้ร่วมมือกัน, และกำลังพูดพร่ำเพ้อถึง “อเมริกาต้องมาเป็นอันดับแรก” (America first), อภิสิทธิ์ของอเมริกัน, และแนวความคิดที่ว่าอเมริกันเป็นข้อยกเว้นในประวัติศาสตร์ (American exceptionalism)”

ตั้งแต่ที่ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าของจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์เมื่อกลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นว่า เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์ เดลี่) ปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก็ตีพิมพ์คอลัมน์ที่ใช้ชื่อว่า “ระฆังเตือนภัย” เป็นประจำทุกวัน มีเนื้อหาปฏิเสธเหตุผลข้อโต้แย้งของทรัมป์ที่ระบุว่า การก้าวผงาดขึ้นมาของจีนกำลังทำให้อเมริกันประสบความสูญเสีย

หนังเกี่ยวกับสงครามเกาหลีที่สร้างขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1950 และมีเนื้อหาปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกต่อต้านอเมริกัน ถูกนำออกอากาศแพร่ภาพทางสถานโทรทัศน์ของรัฐในช่วงไพรม์ไทม์ตอนกลางคืนเป็นเวลา 6 วันต่อเนื่องกันนั[จากวันที่ 16 พฤษภาคม โดยมุ่งเตือนใจผู้ชมให้ระลึกถึงช่วงเวลาที่สงครามเย็นมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านของจีน ขณะที่ทหารอาสาสมัครของจีนสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเกาหลีเหนือ ต่อต้านกองทหารยูเอ็นซึ่งมีสหรัฐฯเป็นผู้นำในสงครามเกาหลี

ขณะเดียวกัน เพลงร้องที่แต่งเนื้อเพลงแปลงโดยอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนผู้หนึ่ง โดยมีเนื้อหาระบุว่าจะเล่นงานทำให้สหรัฐฯ “จนแต้ม” ในสงครามการค้า กำลังได้รับการแชร์ต่ออย่างแพร่หลายยิ่งในสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะถูกลบออกจากแพลตฟอร์มสื่อสังคมยอดนิยมทั้ง “วีแชท” และ “เว่ยโป๋” เนื่องจากละเมิดกฎหมายว่าด้วยเนื้อหาของแพลตฟอร์มเหล่านี้

เพลงนี้แต่งเนื้อใหม่ขณะที่ทำนองนั้นใช้ทำนองเพลงของภาพยนตร์สงครามต่อต้านญี่ปุ่นเรื่อง “สงครามอุโมงค์” (Tunnel War) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

เจ้า เหลียงเทียว ผู้ประพันธ์เนื้อร้องใหม่ให้เพลงนี้ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “เวลานี้ประเทศจีนกำลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างใหม่ที่มีอันตรายยิ่ง ทำนองดียวกับช่วงเวลายากลำบากซึ่งบรรยายเอาไว้ในหนังเรื่องนั้น”

“ผมต้องการใช้เพลงนี้เพื่อปลุกใจมวลชน เราต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อพัฒนาและเพื่อสู้รบ” เขาบอก

ลัทธิรักชาติ'จอมปลอม'

เวลานี้ชาวเนตจีนกำลังพร้อมอกพร้อมใจกันแสดงความสนับสนุนหัวเว่ย หลังจากทรัมป์คุกคามที่จะเล่นงานยักษ์ใหญ่เทเลคอมจีนรายนี้ให้พังพาบ โดยที่ท่าทีเช่นนี้ของวอชิงตันถูกคนจีนมองกันอย่างกว้างขวางว่า เป็นความพยายามที่จะขัดขวางความมุ่งมาดทะเยอทะยานทางด้านไฮเทคของแดนมังกร

บทสัมภาษณ์ เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นหนึ่งในหัวข้ออินเทรนด์สูงสุดของแพลตฟอร์มเว่ยโป๋ ของจีน ซึ่งมีลักษณะเป็นสื่อสังคมข้อความสั้นๆ ทำนองเดียวกับทวิตเตอร์

ผู้ร่วมวงแชทหลายร้อยรายทีเดียวบอกว่า พวกเขาจะไม่ทอดทิ้งบริษัทจีนแห่งนี้ ขณะเดียวกันก็มีบางคนเรียกร้องให้บอยคอตต์ไอโฟน

ทว่าหลายๆ คนกล่าวว่า ไอเดียเรื่องนำเอาไอโพนมาทุบทิ้งนั้น “เป็นเพียงลัทธิรักชาติจอมปลอม” หลังจากที่เหรินออกมาพูดเองว่า ครอบครัวของเขาใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทแอปเปิลอยู่

สือ อินหง ผู้อำนวยการศูนย์อเมริกันศึกษา แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมิน ในกรุงปักกิ่งให้ความเห็นว่า “ความพยายามของสหรัฐฯที่จะสร้างความเสียหายแก่หัวเว่ย เป็นเพียงยุทธวิธีเพื่อการชะลอเวลา มันจะไม่นำไปสู่ทางตันหรอก”

แต่เขาเตือนด้วยว่า ภาคเทคของจีนจะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อรับมือกับช่วงระยะเวลาแห่งความเจ็บปวดอย่างยาวนาน เนื่องจากเท่าที่ผ่านมาได้เคยพึ่งพาอาศัยเทคโนโลยีอเมริกันอย่างหนักหน่วง

“ประตูของอเมริกัน (ในอุตสาหกรรมเทค) กำลังปิดลงมา” เขากล่าว “ทว่าจีนเวลานี้ยังไม่ได้มีแผนบี (สำหรับการรับมือแก้ไขสถานการณ์)”

(เก็บความและตัดต่อเพิ่มเติมจากเรื่อง China digs in for protracted trade fight with US ของสำนักข่าวเอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น