xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ให้อำนาจรมว.ยุติธรรมเข้าถึง-เผยแพร่ ‘ข้อมูลชั้นความลับ’ เพื่อสาวต้นตอคดีสมคบรัสเซีย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการเข้าถึงและเผยแพร่ข้อมูลหรือข่าวกรองชั้นความลับ เพื่อสืบหาต้นตอของข้อครหาที่ว่าทีมงาน ทรัมป์ สมคบคิดกับรัสเซีย ท่ามกลางความวิตกกังวลของประชาคมข่าวกรองอเมริกัน

ทรัมป์ อ้างว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม วิลเลียม บาร์ จำเป็นต้องมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการเผยแพร่ข้อมูลชั้นความลับสุดยอด เพื่อให้รู้ถึงที่มาที่ไปของกระบวนการสอบสวนซึ่งมีขึ้นในช่วงปี 2016-2018

“บาร์ จะได้รับรู้ว่าแผนโกหกหลอกลวงและล่าแม่มดนี้เริ่มขึ้นได้อย่างไร และเพราะเหตุใด” ผู้นำสหรัฐฯ ระบุ

“มันคือความพยายามก่อรัฐประหารและโค่นล้มประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา มันไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครอีก เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก”

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองและอดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองเตือนว่า ทรัมป์ และ บาร์ เสี่ยงที่จะเปิดเผยแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับรัสเซียที่ได้รับการปกป้องสูงสุดจากสหรัฐฯ เพียงเพื่อแก้แค้นกระบวนการสอบสวนที่ดำเนินไปอย่างชอบธรรม ซึ่งการกระทำเช่นนี้จะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสหรัฐอเมริกา

ทรัมป์ มีคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี (23) ให้หัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างๆ ซึ่งรวมถึงสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) และสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสเอ) ต้องให้ความร่วมมือกับ บาร์ อย่างเต็มที่ เพื่อตรวจสอบว่า ทรัมป์ นั้นตกเป็นเหยื่อการ “สอดแนมอย่างไม่เหมาะสม” โดยสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) หรือหน่วยข่าวกรองอื่นๆ หรือไม่

ทรัมป์ ยังให้อำนาจแก่ บาร์ ในการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลชั้นความลับที่คิดว่าจำเป็น ซึ่งอาจจะรวมถึงแหล่งข้อมูลลับสุดยอดที่พวกผู้นำข่าวกรองอเมริกันใช้เป็นข้อสรุปว่าประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียบงการแทรกแซงศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 เพื่อช่วย ทรัมป์

โรเบิร์ต มุลเลอร์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัยการพิเศษคุมสอบคดีรัสเซียได้เผยแพร่ผลสอบฉบับสมบูรณ์เมื่อเดือน เม.ย. ซึ่งได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำหลายอย่างที่อาจเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิด แต่สุดท้ายก็สรุปว่าไม่มีพฤติกรรมใดที่ถือเป็นความผิดอาญาฐานสบคบคิด (criminal conspiracy)

จอห์น แมคลาฟลิน อดีตรองผู้อำนวยการซีไอเอ เรียกร้องให้สภาคองเกรสขัดขวางคำสั่งของทรัมป์

“การให้อำนาจ บาร์ เปิดเผยข้อมูลชั้นความลับเป็นความคิดที่แย่มาก... หน่วยข่าวกรองอาจให้ความร่วมมือได้ แต่ก็จำเป็นต้องรักษาหน้าที่ในการปกป้องแหล่งข้อมูลด้วย” เขากล่าว

คดีนี้เริ่มแดงขึ้นในช่วงกลางปี 2016 หลังจาก จอร์จ ปาปาโดปูโลส ที่ปรึกษาทีมหาเสียงของทรัมป์ ได้บอกกับทูตออสเตรเลียที่กรุงลอนดอนว่า มีชาวรัสเซียเสนอจะให้ข้อมูลที่อาจทำลายคะแนนนิยมของ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครสายเดโมแครตซึ่งเป็นคู่แข่งของ ทรัมป์ ได้

กระบวนการสอบสวนที่เกิดตามมา ซึ่งรวมถึงการที่รัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา อนุญาตให้หน่วยงานความมั่นคงดักฟังทีมหาเสียงทรัมป์ นำไปสู่ข้อสรุปว่ารัสเซียได้พยายามติดต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูล และยื่นข้อเสนอต่อรองกับคนของ ทรัมป์ หลายอย่าง ตั้งแต่โครงการก่อสร้างอาคารทรัมป์ทาวเวอร์ในกรุงมอสโกเรื่อยไปจนถึงการยกเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย

แม้รายละเอียดเหล่านี้จะถูกเปิดโปงระหว่างที่สภาคองเกรสเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าให้การ รวมถึงในผลสอบของมุลเลอร์ แต่ ทรัมป์ ก็ยังยืนกรานว่ากระบวนการสอบสวนเหล่านี้ไม่มีมูล และการสอดแนมผู้ช่วยของตนก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย

อีแวน แมคคัลลิน อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอ เตือนว่าพฤติกรรมของ ทรัมป์ “เป็นการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่อันตรายอย่างยิ่ง” และ บาร์ “อาจเลือกที่จะเผยข้อมูลละเอียดอ่อนเพียงบางส่วนที่เขาเห็นว่าสอดคล้องกับคำพูดของทรัมป์ เหมือนที่เคยทำมาแล้วตอนสรุปผลสอบของมุลเลอร์ และอาจบั่นทอนขีดความสามารถของหน่วยข่าวกรองในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามต่างชาติ”
กำลังโหลดความคิดเห็น