'โมดี'ชนะครองสภา'อินเดีย'เด็ดขาด ปูทางนโยบายหนุนธุรกิจ-เสริมความมั่นคง

รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี กวาดชัยชนะท่วมท้นในศึกเลือกตั้งอินเดียที่ใช้เวลาดำเนินการเป็นแรมเดือน และเริ่มนับคะแนนอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสบดี (23 พ.ค.) โดยจ่อครองเสียงข้างมากเด็ดขาดกว่าเดิม เปิดทางสะดวกให้พรรคบีเจพีของเขา เดินหน้านโยบายที่เป็นมิตรกับธุรกิจที่ให้ความสำคัญอันดับแรกกับชาวฮินดู และเพิ่มมาตรการแข็งกร้าวด้านความมั่นคง

ข้อมูลผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการเลือกตั้งอินเดียที่ออกมาเมื่อวันพฤหัสฯ (23) บ่งชี้ว่า พรรคภารตียะ ชนะตะ (บีเจพี) ซึ่งมีแนวทางชาตินิยมฮินดูของโมดี มีแนวโน้มกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 300 ที่นั่ง จากทั้งหมด 542 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นจาก 282 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งก่อนปี 2014 ขณะที่พรรคที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่างต้องมีอย่างน้อย 272 ที่นั่ง

ชัยชนะของบีเจพีครั้งนี้จะถือเป็นครั้งแรกของอินเดียนับจากปี 1984 ที่พรรคการเมืองพรรคเดียวสามารถครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาสองสมัยติดกัน ขณะที่พรรคคองเกรส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านสำคัญนั้นมีแนวโน้มได้เพียง 52 ที่นั่ง

อมารินเดอร์ สิงห์ ผู้นำอาวุโสของพรรคคองเกรส ยอมรับว่า พรรคพ่ายแพ้ในศึกชิงอำนาจครั้งนี้

ทางด้านชาติพันธมิตรของอินเดียที่รวมถึงศรีลังกาและอิสราเอล แสดงความยินดีต่อโมดี ขณะที่บรรยากาศณ ที่ทำการใหญ่ของบีเจพีในกรุงนิวเดลีเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

จีวีแอล นาราซิมฮา ราวโฆษกบีเจพี กล่าวว่า นี่เป็นชัยชนะยิ่งใหญ่สำหรับอินเดีย และเป็นอาณัติสำคัญสำหรับการเมืองเชิงบวกและนโยบายของโมดี

ด้านสถานีโทรทัศน์เอ็นดีทีวีคาดว่า “พันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ” หรือกลุ่มพันธมิตรที่มีนโยบายกลาง-ซ้ายและมีบีเจพีเป็นแกนนำ จะได้ที่นั่งในสภารวม 348 ที่นั่ง ส่วนพันธมิตรแนวร่วมก้าวหน้าที่นำโดยคองเกรสได้ 85 ที่นั่ง โดยผลการนับคะแนนสุดท้ายจะเปิดเผยในช่วงค่ำวันพฤหัสฯ

ทั้งนี้ ในช่วงต้นฤดูหาเสียง โมดีถูกกดดันอย่างหนักและบีเจพีแพ้การเลือกตั้งใน 3 รัฐเมื่อเดือนธันวาคม ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจเกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตรและการว่างงาน

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ระเบิดฆ่าตัวตายในแคชเมียร์เดือนกุมภาพันธ์ที่ทำให้ตำรวจอินเดียเสียชีวิต 40 นาย และสถานการณ์ระหว่างอินเดียกับปากีสถานเครียดขมึง ทำให้พรรคปีกขวาอย่างบีเจพีกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

สมาชิกบีเจพีในขณะนี้ต้องการให้โมดีปรับใช้มาตรการด้านความมั่นคงแข็งกร้าวขึ้น รวมถึงสร้างโบสถ์ฮินดูขึ้นในเมืองอโยธยา ในบริเวณที่เคยเป็นมัสยิดซึ่งถูกม็อบชาวฮินดูทำลายในปี 1992

ชัยชนะของบีเจพีครั้งนี้ยังมาจากความนิยมในตัวโมดี ซึ่งเป็นนักต่อสู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความระห่ำ รวมทั้งการที่พรรคมีทรัพยากรการเงินเหนือกว่าคู่แข่ง

บีเจพีทุ่มงบโฆษณาบนเฟซบุ๊กและกูเกิลมากกว่าคองเกรสถึง 6 เท่า และมากกว่า 20 เท่าสำหรับงบโฆษณาโดยรวม

ในทางกลับกันความพ่ายแพ้ของคองเกรทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสไม่พอใจในตัวโมดีอย่างกว้างขวาง จะนำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของราหุล คานธี ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของตระกูลเนห์รู-คานธี และทั้งพ่อ ย่า และตาทวด ล้วนเลยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียมาทั้งสิ้น

นอกจากนั้นยังทำให้เกิดคำถามว่า คองเกรสเหมาะที่จะเป็นทางเลือกของประเทศนอกจากบีเจพีหรือไม่