จีนจวกสหรัฐฯ รังแก “หัวเว่ย” ยันสู้ศึกการค้าถึงที่สุด

เอเอฟพี – รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวตำหนิการโจมตีหัวเว่ยของสหรัฐฯ ว่าเป็น “การข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ” และเตือนว่า ปักกิ่งพร้อมที่จะสู้จนถึงที่สุดในสงครามการค้ากับวอชิงตัน

ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลกรุนแรงขึ้นหลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ส่งผลให้หลายบริษัทต่างชาติต้องตีตัวออกห่างจากหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมของจีน

“การที่สหรัฐฯ ใช้อำนาจรัฐเพื่อกดดันบริษัทเอกชนจีนอย่างหัวเว่ยตามอำเภอใจเป็นการข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ” หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการประชุมในคีร์กิสถานขององค์การความร่วมมือเซียงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organisation (SCO) กลุ่มความมั่นคงระดับภูมิภาคที่นำโดยปักกิ่งและมอสโก

คำสั่งของทรัมป์ห้ามไม่ให้บริษัทสหรัฐฯ จัดส่งส่วนประกอบสำคัญให้หัวเว่ยและเครือข่าย เนื่องด้วยกิจกรรมที่สหรัฐฯ ระบุว่า ขัดกับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติหรือนโยบายต่างประเทศ

วันนี้ (23) บริษัทพานาโซนิคของญี่ปุ่น ประกาศว่า พวกเขากำลังตัดขาดธุรกิจกับหัวเว่ยภายหลังคำสั่งแบนของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ ค่ายโทรศัพท์มือถือในญี่ปุ่นและอังกฤษ ระบุว่า พวกเขาจะระงับการปล่อยสมาร์ทโฟนหัวเว่ย

“คนบางกลุ่มในสหรัฐฯ ไม่ต้องการให้จีนมีสิทธิในการพัฒนาโดยชอบธรรม และพยายามขัดขวางกระบวนการพัฒนาของเรา” หวัง กล่าว อ้างจากถ้อยแถลงกระทรวงการต่างประเทศที่ออกเมื่อค่ำวานนี้ (22)

“ท่าทางอวดดีและเห็นแก่ตัวแบบอเมริกานี้ไม่อาจได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากประชาคมโลก”

สองประเทศยังไม่ได้กำหนดวันเริ่มการเจรจาการค้ากันใหม่ หลังจากพวกเขาเปิดฉากการต่อสู้ด้วยภาษีกันอีกครั้งเมื่อต้นเดือน โดยทรัมป์สั่งเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนจีนก็ขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ 6 หมื่นล้านดอลลาร์

ทรัมป์กล่าวหาจีนว่าทำผิดสัญญาในการเจรจาการค้า ปักกิ่งสวนกลับว่า ข้อตกลงใดๆ ก็ตามต้องมีความสมดุล

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เราเซ็นหรือยอมรับข้อตกลงที่ไม่มีความเท่าเทียม” หวัง กล่าว

“หากสหรัฐฯ ตั้งใจที่จะเจรจาบนพื้นฐานความเท่าเทียม เช่นนั้นประตูฝ่ายจีนก็จะเปิดกว้าง แต่หากสหรัฐฯ เลือกที่จะใช้นโยบายกดดันเต็มกำลัง จีนก็จะต้องรับมือและต่อสู้จนถึงที่สุด” เขากล่าว