xs
xsm
sm
md
lg

In Clips: “อินเทล-ควอลคอมม์” รวมหัว “อินฟิเนียน” บ.ไฮเทคเยอรมัน ไม่ขายชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้ “หัวเว่ย” ตามคำสั่งแบน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์ - ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ของโลกสัญชาติอเมริกัน 4 บริษัทได้แก่ อินเทล ควอลคอมม์ ไซลินซ์(Xilinx Inc) และบรอดคอม อิงก์ มีรายงานว่าได้หยุดการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยของจีนภายใต้คำสั่งแบนของรัฐบาลทรัมป์ ส่วน อินฟิเนียน ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมันราคาหุ้นตกลงในเช้านี้(20 พ.ค) หลังสื่อธุรกิจญี่ปุ่นแฉ ทางบริษัทหยุดส่งสินค้าให้กับหัวเว่ยทำตามคำสั่งแบน

บลูมเบิร์ก สื่อธุรกิจรายงานวันนี้(20 พ.ค) ผลจากการขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยเริ่มส่งผลกระทบไปยังซัพพลายเชนทั่วโลกแล้วในวันนี้ ที่นอกเหนือจากที่บริษัทกูเกิลจะห้ามหัวเว่ยทำการอัปเด็ตระบบปฎิบัติการเปิดแอนดรอยด์ของตัวเอง กระทบผู้ใช้ทั่วโลก

ล่าสุดมีรายงานว่า ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สหรัฐฯรวมถึง อินเทล คอร์ป (Intel Corp )ควอลคอมม์ อิงก์( Qualcomm Inc )ไซลินซ์ อิงก์ (Xilinx Inc ) และบรอดคอม อิงก์ (Broadcom Inc) ได้บอกกับพนักงานบริษัทของตัวเองว่า ทางบริษัทจะไม่ส่งสินค้าให้กับทางหัวเว่ยจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด

การกระทำของบริษัทไฮเทคอเมริกันเหล่านี้ยิ่งจะเร่งทำให้ความตรึงเครียดระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งระอุเพิ่มมากขึ้น

ผลกระทบคำสั่งแบนของรัฐบาลทรัมป์ที่ออกมาในวันศุกร์(17 พ.ค)ยังส่งผลนอกประเทศเพราะพบว่าหุ้นของบริษัทผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์สัญชาติเยอรมัน "อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ เอจี"  (Infineon Technologies AG) ได้ตกลงช่วงการซื้อขายเช้านี้(20) หลังสื่อธุรกิจญี่ปุ่น นิเคอิ รายงานว่า ทางอินฟิเนียนหยุดการขนส่งให้กับหัวเว่ยตามคำสั่งแบนของสหรัฐฯ

ล่าสุดแถลงการณ์ของหัวเว่ยที่ออกมาในวันจันทร์(20)มีเนื้อหากล่าวว่า ทางบริษัทจะยังคงให้บริการอัปเดตความปลอดภัยและบริการทางการขายแก่ลูกค้าต่อไป

บลูมเบิร์กชี้ว่า การปิดกั้นการขายชิ้นส่วนสำคัญให้กับหัวเว่ยอาจจะกระทบต่อธุรกิจผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯได้เป็นต้นว่า ไมครอน เทคโนโลยี อิงก์ (Micron Technology Inc) และยังทำให้การเปิดใช้ระบบโทรศัพท์ 5G ทั่วโลกต้องล่าช้า รวมถึงภายในจีน ที่ในท้ายที่สุดผลการแบนหัวเว่ยจะกระทบต่อธุรกิจอเมริกาอย่างไม่มีทางเลือก จากการที่ต้องพึ่งพาระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกคือจีนเพื่อการเติบโต

ซึ่งหากการแบนถูกบังคับใช้อย่างเต็มที่ สื่อธุรกิจชี้ว่า การกระทำของรัฐบาลทรัมป์จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ของโลกทีเดียว อินเทลถือเป็นซัพพลายเออร์หลักของชิปเซิร์ฟเวอร์ ( server chip)ให้กับหัวเว่ย

ส่วนควอลคอมม์ส่งโปรเซสเซอร์และโมเดมให้กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนหลายรุ่นของหัวเว่ย ไซลินซ์ขายชิปที่สามารถถูกโปรแกรมได้(programable chip)สำหรับเครือข่าย ส่วนบรอดคอมนั้นเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของ switching chip อันเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับเครือข่ายบางประเภท

จากการที่หัวเว่ยต้องพึ่งพาชิปต่างๆจากสหรัฐฯเป็นหลัก ทำให้ทางบริษัทเกิดปัญหาอย่างหนักหากว่าไม่สามารถทำธุรกิจกับบริษัทผู้ผลิตเหล่านี้ได้อีกต่อไป ไรอัน คุนต์ซ์ (Ryan Koontz) นักวิเคราะห์ประจำบริษัทหลักทรัพย์ โรเซนแบลตต์(Rosenblatt Securities Inc) แสดงความเห็น

นอกเหนือจากนี้ยังชี้ว่า การขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยของรัฐบาลทรัมป์อาจทำให้ทางจีนต้องเลื่อนการสร้างระบบเครือข่าย 5Gออกไปจนกว่าคำสั่งแบนจะถูกยกเลิก มีผลกระทบต่อซัพพลายเออร์จำนวนมากทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยกล่าวว่า ทางบริษัทมีชิ้นส่วนสำคัญรวมถึง ชิป เก็บไว้ในสต็อกเพื่อทำให้แน่ใจว่าทางบริษัทจะสามารถดำเนินการทางธุรกิจได้ตามปกตินานราว 3 เดือนเป็นอย่างน้อย พบว่าทางหัวเว่ยได้เตรียมแผนฉุกเฉินรับมือในสถานการณ์เช่นนี้มาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 แล้ว โดยในขณะที่กักตุนชิ้นส่วนสำคัญไว้ในมือ ในเวลาเดียวกันก็ออกแบบคอมพิวเตอร์ชิปด้วยตัวเอง อ้างอิงจากบุคคลใกล้ชิด

แต่ทว่าทางทีมผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยเชื่อว่า บริษัทของพวกเขาเป็นแต้มต่อรองในสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่ยังคงมีการเจรจาอยู่ และนั่นจะทำให้ทางหัวเว่ยสามารถกลับมาทำธุรกิจกับบริษัทซัพพลายเออร์อเมริกันเหล่านี้ได้อีกครั้งเมื่อข้อตกลงทางการค้าสามารถบรรลุได้ในท้ายที่สุด








กำลังโหลดความคิดเห็น