xs
xsm
sm
md
lg

จีนยัวะจัดสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ'หัวเว่ย' ประกาศใช้มาตรการปกป้องริษัทแดนมังกร ขณะทำเฉยเมยที่วอชิงตันจะส่งคณะมาเจรจาการค้าต่อ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

โลโก้ของหัวเว่ย  ในงาน วีวา เทค (Viva Tech) ซึ่งจัดที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) โดยมีทั้งสตาร์ทอัปที่เป็นระดับไฮโปรไฟล์ และพวกผู้นำแวดวงไฮเทค ไปชุมนุมกัน
เอเจนซีส์ – จีนวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯอย่างรุนแรงในวันพฤหัสบดี (16 พ.ค.) เรื่องที่วอชิงตันขึ้นบัญชีดำ“หัวเว่ย” ไม่ให้บริษัทแดนมังกรที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านอุปกรณ์เทเลคอมรายนี้ซื้อชิ้นส่วนและเทคโนโลยีของบริษัทอเมริกัน ซ้ำตั้งท่าห้ามบริษัทอเมริกันใช้อุปกรณ์ 5จีของหัวเว่ยด้วย โดยแดนมังกรประกาศด้วยว่าจะดำเนินมาตรการเพื่อพิทักษ์ปกป้องบริษัทต่างๆ ของตน กรณีล่าสุดนี้ทำให้ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองยิ่งบานปลายขยายตัว

เมื่อวันพุธ (15) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามอนุมัติออกคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามบริษัทอเมริกันซื้ออุปกรณ์สื่อสารจากบริษัทที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งแม้ไม่ได้ระบุชื่อประเทศหรือชื่อบริษัท แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคณะบริหารสหรัฐฯ ตีตราหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ รวมทั้งบริษัทเทเลคอมอื่นๆ ของจีน เป็น “ภัยคุกคาม” โดยอ้างว่า ถูกปักกิ่งใช้บริษัทเหล่านี้เป็นเครื่องมือสอดแนม นอกจากนั้นวอชิงตันยังเดินสายล็อบบี้พันธมิตรทั่วโลกงดใช้อุปกรณ์ของบริษัทจีนในเครือข่าย 5จี โดยขู่ว่า ถ้าไม่ทำตามจะยกเลิกความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูลข่าวกรอง

อีกไม่นานต่อมาในวันเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ลงดาบสองด้วยการเพิ่มชื่อของหัวเว่ยและบริษัทในเครืออีก 70 แห่งใน “รายชื่อนิติบุคคล” ที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอเมริกันก่อน บริษัทสหรัฐฯทั้งหลายจึงจะสามารถขายชิ้นส่วนและเทคโนโลยีให้บริษัทเหล่านี้ได้ โดยให้เหตุผลว่า หัวเว่ยละเมิดมาตรการแซงก์ชันอิหร่าน

รัฐมนตรีพาณิชย์ วิลเบอร์ รอสส์ แถลงว่า ทรัมป์สนับสนุนการตัดสินใจนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เทคโนโลยีของอเมริกาถูกนิติบุคคลต่างชาตินำไปใช้ในวิธีการที่อาจบ่อนทำลายความมั่นคงหรือผลประโยชน์ด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ

ทางด้านหัวเว่ยซึ่งยืนยันเรื่อยมาว่า ผลิตภัณฑ์ของตนไม่ได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศใดๆ แถลงว่า พร้อมและยินดีร่วมมือกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อบรรลุมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการรับประกันความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของบริษัท

หัวเว่ยสำทับว่า การปิดกั้นไม่ให้บริษัททำธุรกิจในสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้อเมริกาปลอดภัยหรือแข็งแกร่งขึ้น แต่กลับจะเป็นการจำกัดทางเลือกของอเมริกาไว้กับระบบที่ด้อยประสิทธิภาพกว่าแถมราคาแพง และทำให้อเมริกาล้าหลังในปรับใช้เครือข่าย 5จี ซึ่งสุดท้ายคือการบ่อนทำลายผลประโยชน์ของบริษัทและผู้บริโภคอเมริกันเอง นอกจากนั้นยังถือเป็นการละเมิดสิทธิ์ของหัวเว่ยและอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายร้ายแรงอื่นๆ

ขณะที่ เกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงในวันพุธ (15)ก่อนที่ทรัมป์จะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารว่า อเมริกากำลังใช้อำนาจโดยมิชอบในการดิสเครดิตและปิดกั้นบริษัทจีน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่ไร้เกียรติและไม่เป็นธรรม

ต่อมาในวันพฤหัสฯ (16) กว๋อ เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน แถลงตอบโต้สหรัฐฯอย่างรุนแรงว่า ปักกิ่งไม่เห็นด้วยที่ประเทศอื่นใช้มาตรการแซงก์ชันฝ่ายเดียวกับนิติบุคคลจีน และว่า จีนย้ำมาหลายครั้งว่า ไม่ควรนำแนวคิดเรื่องความมั่นคงของประเทศมาใช้ในทางที่ผิด เช่น ใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันการค้า

กว๋อสำทับว่า อเมริกาควรหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบซ้ำเติมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน และเสริมว่า ปักกิ่งกำชับมาตลอดให้บริษัทท้องถิ่นปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจ เขาทิ้งท้ายว่า จีนจะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ์อันชอบธรรมของบริษัทจีน
บู้ธนิทรรศการของหัวเว่ย ในงาน เวิลด์ อินเทลลิเจนซ์ คองเกรส (World Intelligence Congress) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเทียนจิน (เทียนสิน) ประเทศจีน วันพฤหัสบดี (16 พ.ค.)
จนถึงขณะนี้ความพยายามของอเมริกาในการล็อบบี้ประเทศต่างๆ ให้หันหลังให้หัวเว่ยมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว แม้แต่อังกฤษ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐฯ ยังถกเถียงกันตึงเครียดในคณะรัฐมนตรีว่า จะยอมเดินตามก้นอเมริกา หรือเปิดทางให้หัวเว่ยใช้ความเชี่ยวชาญที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาช่วยพัฒนาศักยภาพ 5จีของอังกฤษ

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้คณะรัฐมนตรีอังกฤษดูเหมือนตกลงเห็นพ้องอนุญาตให้หัวเว่ยมีบทบาทจำกัดในการสร้างเครือข่าย 5จีบางส่วน ทว่า ยังไม่มีการประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายออกมาแต่อย่างใด

กระนั้น ในวันพฤหัสฯ ริชาร์ด เดียร์เลิฟ อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง เอ็มไอ6 ของอังกฤษระหว่างปี 1996-2004 และคร่ำหวอดในวงการข่าวกรองมาเกือบ 40 ปี ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการตัดสินใจในการมอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ละเอียดอ่อนที่สุดให้อยู่ในมือของหัวเว่ย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เช่นเดียวกับบริษัทจีนอื่นๆ ทุกแห่ง

เดียร์เลิฟยังเตือนว่า ความสามารถในการควบคุมการสื่อสารและข้อมูลที่ไหลเวียนผ่านเครือข่ายของหัวเว่ยจะกลายเป็นเส้นทางให้จีนเข้าควบคุมสังคมและประเทศอื่นๆ

ในอีกด้านหนึ่ง สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แถลงต่อคณะอนุกรรมธิการการจัดสรรงบประมาณของวุฒิสภาว่า การเจรจาระดับสูงเป็นเวลาสองวันกับเจ้าหน้าที่จีนที่วอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นไปในทางสร้างสรรค์ และคาดว่า คณะเจรจาของสหรัฐฯ จะเดินทางไปหารือต่อที่ปักกิ่งในอนาคตอันใกล้ โดยไม่ได้ระบุกำหนดเวลาที่ชัดเจน

การแถลงของมนูชิน สอดรับกับทรัมป์ซึ่งเพิ่งพูดเมื่อวันอังคาร (14) ว่า การเจรจากับจีนไม่ได้ล่มไปแล้ว มิหนำซ้ำเขายังตั้งข้อสังเกตแง่ดีว่า มีโอกาสบรรลุข้อตกลงการค้า ทั้งยังบอกว่า ตนมีความสัมพันธ์ที่ “พิเศษมาก” กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และคาดว่า จะได้พบกันในการประชุมสุดยอดจี20 ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า นอกจากนั้นประมุขทำเนียบขาวยังเรียกร้องให้ปักกิ่งสั่งซื้อสินค้าเกษตรอเมริกาเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ ในมุมมองของปักกิ่งดูค่อนข้างแตกต่างจากทรัมป์ โดยเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า ทรัมป์และสีต้องหารือกันเพื่อสะสางข้อพิพาททางการค้าหรือไม่ กว๋อตอบว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง และยังบอกอีกว่า เขายังไม่ได้รับข้อมูลว่า ทีมเจรจาการค้าสหรัฐฯ จะเดินทางไปจีนในระยะนี้

ไม่เพียงกระทรวงพาณิชย์จีน ระหว่างการแถลงข่าวประจำวันที่กระทรวงการต่างประเทศในวันพฤหัสฯ (16) เมื่อถูกซักถามว่าจีนได้เชิญทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้เดินทางไปปักกิ่งเพื่อเจรจาการค้าเพิ่มเติมหรือไม่ ปรากฏว่า ลู่ คัง โฆษกอีกผู้หนึ่งของทางกระทรวง ได้ตอบว่า ปักกิ่งสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทด้วยการหารือกัน แต่กระนั้น การเจรจาก็จะต้องมีความจริงใจ เท่าเทียม เคารพกันและกัน และคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งยังต้องรักษาคำพูด ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงกะทันหันตามอำเภอใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น