xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯสั่งถอนจนท.สถานทูตในอิรัก โหมกระแสกล่าวหาอิหร่านเตรียมโจมตี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ(ขวา) เมื่อครั้งเดินทางเข้าพบ อเดล อับดุล มาห์ดิ นายกรัฐมนตรีอิรัก ในกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2019
เอเจนซีส์ - สหรัฐฯขึงขัง สั่งอพยพเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่ใช่ส่วนงานฉุกเฉินออกจากอิรักเมื่อวันพุธ (15 พ.ค.) ตอกย้ำความกังวลของวอชิงตันเกี่ยวกับภัยคุกคามจากอิหร่าน แม้ถูกท้วงติงจากนายทหารใหญ่ชาติพันธมิตร ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง กบฏฮูตีอ้างความรับผิดชอบในการใช้โดรนโจมตีสถานีสูบน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย ระบุเพื่อตอบโต้การรุกรานและปิดกั้นเยเมน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ถอนเจ้าหน้าที่ทั้งจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดด และจากสถานกงสุลในเมืองเออร์บิล โดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พร้อมระงับการให้บริการออกวีซ่าชั่วคราว

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า การตัดสินใจถอนเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่นอกส่วนงานฉุกเฉินคราวนี้ อาศัยการประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัย แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ต้องเดินทางออกนอกอิรักในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอังคาร (14) กองทัพสหรัฐฯ ตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะโจมตีกองกำลังอเมริกันในอิรักเร็วๆ นี้ ถึงแม้ พลตรี คริส กีคา ผู้บัญชาการทหารระดับอาวุโสของอังกฤษในกองกำลังพันธมิตรที่ร่วมกวาดล้างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรีย ระบุว่า ไม่พบความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว ขณะที่เตหะรานวิจารณ์ว่า วอชิงตันกำลังทำสงครามจิตวิทยา

นอกจากนั้น คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังกำลังพยายามเพิ่มการกดดันอิหร่านด้วยมาตรการแซงก์ชันโดยยกเลิกการอนุโลมให้บางประเทศซื้อน้ำมันจากอิหร่าน เพื่อสกัดการแผ่ขยายอิทธิพลของเตหะรานในตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอับเดล อับดุล มาห์ดีของอิรัก กลับแถลงเมื่อวันอังคารว่า มีสัญญาณจากทั้งอเมริกาและอิหร่านว่า สถานการณ์จะจบลงด้วยดีแม้มีการปะทะคารมเชือดเฉือนกันก็ตาม

สอดคล้องกับที่ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างเข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่เมืองโซชิ เมืองตากอากาศริมทะเลดำของแดนหมีขาว ว่า อเมริกาไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน แต่จะตอบโต้อย่างเหมาะสมหากผลประโยชน์ของชาติถูกโจมตี
อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน
วันเดียวกันนั้น อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระบุว่า จะไม่มีการทำสงครามกับอเมริกา ถึงแม้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเนื่องจากวอชิงตันพยายามบีบคั้นเตหะราน ทั้งในเรื่องศักยภาพด้านนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของอิหร่าน รวมทั้งการที่อิหร่านให้การสนับสนุนกองกำลังตัวแทนในเยเมน อิรัก ซีเรีย และเลบานอน อย่างไรก็ดี คาเมเนอีย้ำว่า จะไม่เจรจากับวอชิงตันเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 ที่อเมริกาถอนตัวฝ่ายเดียวเมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนั้นแล้ว ทรัมป์ได้ออกมาแถลงว่า รายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เมื่อวันอังคารที่ว่า อเมริกากำลังพิจารณาส่งทหาร 120,000 นายไปรับมือการโจมตีของอิหร่านในตะวันออกกลางนั้น เป็น “ข่าวปลอม”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นข่าวจริงก็คือ สหรัฐฯ เพิ่งส่งกำลังทางเรือและทางอากาศเข้าไปเพิ่มเติมในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 โดยเพนตากอนระบุว่า เพื่อรับมือสัญญาณล่าสุดที่ชัดเจนว่า เตหะรานและกองกำลังตัวแทนกำลังเตรียมการโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐฯและกองทหารอเมริกันในตะวันออกกลาง

ทางด้านซาอุดีอาระเบียแถลงเมื่อวันอังคารว่า สถานีสูบน้ำมันสองแห่งของตนที่อยู่ห่างจากกรุงริยาดกว่า 320 กิโลเมตร ถูกโจมตีด้วยโดรนติดอาวุธ ข่าวนี้กำลังเพิ่มความกังวลว่า ความขัดแย้งทางการทหารระหว่างอเมริกากับอิหร่านอาจระเบิดขึ้นเร็วๆ นี้

หลังจากนั้นไม่นาน สถานีทีวีมาซิราห์ที่กบฏฮูตีในเยเมนควบคุม ประกาศว่า กบฏฮูตีเป็นผู้โจมตีสถานีสูบน้ำมันดังกล่าวเพื่อตอบโต้ที่ซาอุดีฯ ยังคงรุกรานและปิดกั้นเยเมน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำของซาอุดีฯ ถูกโจมตีนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันอาทิตย์ (12) ซึ่งคณะรัฐมนตรีซาอุดีฯ ระบุว่า เป็นการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ เชื่อว่า เป็นฝีมือกองกำลังตัวแทนหรือกองกำลังที่ร่วมมือกับอิหร่าน มากกว่าจะเป็นผลงานของกองทัพเตหะรานเอง โดยเป็นไปได้ว่า อาจเป็นกลุ่มกบฏฮูตีหรือกองกำลังติดอาวุธชีอะห์ในอิรัก

ทว่า อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ โมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ โจมตีว่า “พวกสุดโต่ง” ในรัฐบาลสหรัฐฯ กำลังผลักดันนโยบายอันตราย

ขณะเดียวกัน นักการทูตอาวุโสของยุโรปคนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ยุทธศาสตร์การเพิ่มแรงกดดันสูงสุดของทรัมป์อาจไม่สามารถทำให้อิหร่านยอมจำนน แต่ในทางกลับกันอิหร่านอาจฟื้นโครงการนิวเคลียร์ ทำให้อเมริกาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการใช้ปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งไม่น่าใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับทรัมป์ซึ่งจะลงเลือกตั้งอีกสมัยในปีหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น