รอยเตอร์ – ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเตือนผู้นำรัสเซียวานนี้ (14 พ.ค.) ว่าวอชิงตันจะไม่อดทนกับการแทรกแซงใดๆ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 และเรียกร้องให้มอสโกมีแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเมื่อปี 2016
ระหว่างการพบปะที่เมืองโซชิ สถานตากอากาศริมทะเลดำ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้เอ่ยตอบ พอมเพโอ ว่ามอสโกไม่เคยก้าวก่ายศึกเลือกตั้งในอเมริกา และผลสอบสวน “ที่เป็นธรรม” ของอัยการพิเศษ โรเบิร์ต มุลเลอร์ ก็ไม่พบหลักฐานว่าทีมหาเสียงของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ สมคบคิดกับรัสเซีย
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 มหาอำนาจตึงเครียดขึ้น เมื่อประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ออกมาสรุปยืนยันว่ารัสเซียจงใจแทรกแซงผลการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 เพื่อช่วยให้ ทรัมป์ ได้ครองทำเนียบขาว ซึ่งฝ่ายรัสเซียปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่จริง
การไปเยือนรัสเซียของ พอมเพโอ มีขึ้นหลังจาก มุลเลอร์ ได้เปิดเผยผลสอบฉบับสมบูรณ์ ซึ่งเอ่ยถึงการแทรกแซงเลือกตั้งอย่างกว้างขวางและเป็นระบบโดยมอสโก แต่ไม่พบหลักฐานว่าทีมงาน ทรัมป์ รู้เห็นเป็นใจด้วย
ปูติน แสดงความคาดหวังว่าความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ คงจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นนับจากนี้
“ผมรู้สึกได้ว่า ประธานาธิบดีของคุณก็ต้องการที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์และการติดต่อระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ และแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ร่วมกันของเราทั้งสองฝ่าย” ปูติน กล่าว “รัสเซียเองก็ย้ำหลายครั้งว่าต้องการฟื้นความสัมพันธ์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งผมหวังว่าเราคงจะสร้างเงื่อนไขที่จำเป็นต่อสิ่งนั้นขึ้นมาได้"
ก่อนหน้านั้น พอมเพโอ ซึ่งไปเยือนรัสเซียในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นครั้งแรกได้ปะทะคารมกับ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ตั้งแต่ประเด็นสงครามยูเครนเรื่อยมาจนถึงวิกฤตการเมืองในเวเนซุเอลา ซึ่งหลังจากการหารือเสร็จสิ้นลงทั้ง 2 ฝ่ายก็ยอมรับว่ายังมีมุมมองที่ต่างกันในหลายเรื่อง
“ผมได้กล่าวอย่างชัดเจนต่อท่านรัฐมนตรี ลาฟรอฟ ว่า การแทรกแซงศึกเลือกตั้งอเมริกันนั้นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และหากรัสเซียทำเช่นนั้นอีกในปี 2020 ความสัมพันธ์ของเราก็จะยิ่งแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่... ผมเตือนพวกเขาว่าอย่าทำเช่นนั้นอีก เพราะเราจะไม่อดทน”
ทั้ง ลาฟรอฟ และ พอมเพโอ ไม่ยืนยันข้อเสนอของ ทรัมป์ ที่จะเปิดหารือคู่ขนานกับ ปูติน ระหว่างการประชุมซัมมิต G20 ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า แต่ผู้ช่วยประจำทำเนียบเครมลินคนหนึ่งบอกกับสื่อมวลชนว่า ผู้นำรัสเซียพร้อมที่จะตอบรับหากหากสหรัฐฯ มีคำเชิญอย่างเป็นทางการ
พอมเพโอ ยังได้หารือกับ ปูติน เกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย, อัฟกานิสถาน รวมถึงเกาหลีเหนือ ซึ่งทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียต่างเห็นพ้องในเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเปียงยาง
ทั้ง 2 ฝ่ายยังโต้เถียงกันในเรื่องเวเนซุเอลา โดย ลาฟรอฟ วิจารณ์วอชิงตันว่าจงใจเลื่อยขาเก้าอี้ประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ขณะที่ พอมเพโอ ยืนยันว่าผู้นำเวเนฯ สมควรลาออก เนื่องจากไร้ความสามารถในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจและยังถูกประชาชนชุมนุมขับไล่
ในประเด็นยูเครน พอมเพโอ ยืนยันว่าสหรัฐฯ จะไม่รับรองการผนวกคาบสมุทรไครเมียในปี 2014 และจะยังคงลงโทษคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้มอสโกร่วมมือกับประธานาธิบดียูเครนคนใหม่เพื่อฟื้นสันติภาพในยูเครนตะวันออก และขอให้ปล่อยตัวลูกเรือชาวยูเครนที่ถูกจับด้วย
พอมเพโอ ยังร้องเรียน ลาฟรอฟ เกี่ยวกับ 2 พลเมืองอเมริกันที่ถูกจับในรัสเซีย ได้แก่ พอล วีแลน อดีตนาวิกโยธินที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับ และ ไมเคิล แคลวีย์ นักลงทุนซึ่งถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง โดยชายทั้งสองยืนยันว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์
ลาฟรอฟ ให้สัมภาษณ์ว่า ทั้ง 2 ชาติยังมีมุมมองต่างกันเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านและสิ่งที่ประชาคมโลกปฏิบัติต่อเตหะราน ขณะที่ พอมเพโอ ก็แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การสู้รบในจังหวัดอิดลิบของซีเรีย
