รอยเตอร์/เอเอฟพี - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯในวันอังคาร(14พ.ค.) ปฏิเสธรายงานข่าวของนิวยอร์กไทม์สที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่อเมริกากำลังหารือเกี่ยวกับแผนส่งทหาร 120,000 นายไปตะวันออกกลางเพื่อตอบโต้การโจมตีใดๆหรือการเร่งรัดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์โดยอิหร่าน ขณะเดียวกันทั้งวอชิงตันและเตหะรานต่างยืนยันว่าไม่ต้องการเปิดศึกสงครามระหว่างกัน
"ผมคิดว่ามันเป็นข่าวปลอม เราไม่มีแผนทำแบบนั้นและหวังว่าเราจะไม่จำเป้นต้องมีแผนแบบนั้ แต่หากว่าเราจะเป็นต้องทำ เราจะส่งกำลังทหารไปมากกว่านั้นมากมายมหาศาล" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว
รายงานข่าวของนิวยอร์กไทม์สอ้างว่า แพทริค ชานาแฮน รักษาการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำเสนอแผนฉบับอัพเดทต่อที่ประชุมของเหล่าผู้ช่วยระดับอาวุโสด้านความมั่นคงแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับแนวคิดส่งทหารมากถึง 120,000 นายเข้าไปยังตะวันออกกลางหากว่าอิหร่านโจมตีกองกำลังหรัฐฯหรือเร่งเครื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์
อย่างไรก็ตามนิวยอร์กไทม์สอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุด้วยว่าแผนฉบับอัดพเดทนี้ไม่ได้เรียกร้องให้ยกพลบุกอิหร่าน ซึ่งคงจำเป็นต้องใช้กำลังทหารมากมายกว่านั้นมาก
นิวยอร์กไทม์สระบุว่า คณะเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (9พ.ค.) มีทั้ง จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว, จีนา แฮสเพล ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), แดน โคสต์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ และ โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ
ทั้งนี้ในที่ประชุมมีการนำแผนต่างๆมาอภิปรายลงรายละเอียด ทว่าตัวเลือกขั้นสูงสุดคือการส่งทหารอเมริกัน 120,000 นายไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรืออาจจะหลายเดือนจึงจะสำเร็จ
รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังกองทัพสหรัฐฯส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52 ไปยังอ่าวเปอร์เซีย เพื่อสำแดงแสนยานุภาพป้องปรามภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นกับทหารอเมริกันในภูมิภาคดังกล่าว และเหตุเรือบรรทุกน้ำมันของซาอุดีอาระเบียเพิ่งถูกลอบก่อวินาศกรรมนอกชายฝั่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเตหะรานตกเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯยืนยันในวันอังคาร(14พ.ค.) ว่าอเมริกาไม่ต้องการทำสงครามกับอิหร่าน แต่ประกาศว่าจะเดินหน้ากดดันเตหะรานต่อไป ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการบีบให้อิหร่าน ยอมตกลงในข้อตกลงควบคุมอาวุธที่ครอบคลุมฉบับหนึ่ง
"โดยพื้นฐานแล้ว เราไม่ได้แสวงหาสงครามกับอิหร่าน" พอมเพโอกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่เมืองโซชิ ริมทะเลดำ "แต่เราขอพูดอย่างชัดเจนถึงอิหร่านว่า หากผลประโยชน์ของอเมริกาถูกโจมตี แน่นอนว่าเราจะตอบโต้อย่างสาสม"
ถ้อยแถลงของพอมเพโอ มีขึ้นหลังจากเขาพบปะกับ ลาฟรอฟ ในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันจันทร์(13พ.ค.) เช่นเดียวกันพันธมิตรยุโรป เพื่อหารือเกี่ยวกับภัยคุกคามที่สหรัฐฯเห็นจากอิหร่าน
อีกด้านหนึ่ง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอีผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ก็แสดงจุดยืนเช่นกันว่าจะไม่มีสงครามกับสหรัฐฯ แม้ความตึงเครียดระหว่างสองชาติคู่อริทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับศักยภาพทางนิวเคลียร์และโครงการขีปนาวุธของเตหะราน
ในความคิดเห็นที่แสดงออกมาระหว่างหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ คาเมเนอี ยังย้ำด้วยว่าอิหร่านจะไม่เจรจากับสหรัฐฯในข้อตกลงนิวเคลียร์ "จะไม่มีสงครามอะไร ประเทศอิหร่านเลือกเส้นทางห่งความอดทนอดกลั้น เราไม่ประสงค์แสวงหาสงครามและพวกเขาก็เช่นกัน พวกเขารู้ว่ามันไม่เป็นประโยยชน์อะไรกับพวกเขาเลย"