รอยเตอร์ - รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เสนอรายงานอัปเดตแผนปฏิบัติการทางทหารต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงข้อเสนอส่งทหาร 120,000 นายไปยังตะวันออกกลาง ในกรณีที่อิหร่านโจมตีกองกำลังสหรัฐฯ หรือเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานวานนี้ (13 พ.ค.)
นิวยอร์กไทม์สอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ซึ่งระบุว่า แพทริก ชานาฮาน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม ได้เสนอแผนดังกล่าวระหว่างประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (9)
ทำเนียบขาวยังไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ขณะที่เพนตากอนก็ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเช่นกัน
ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อิหร่านกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่ ทรัมป์ นำวอชิงตันถอนตัวออกจากข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ปี 2015 เมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว และยังสั่งฟื้นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเตหะราน
ทรัมป์ ต้องการบีบให้อิหร่านยอมรับข้อตกลงควบคุมอาวุธที่มีผลครอบคลุมยิ่งกว่าเดิม และล่าสุดก็ได้สั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-52 ไปยังอ่าวเปอร์เซีย เพื่อสำแดงแสนยานุภาพป้องปรามภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นกับทหารอเมริกันในภูมิภาคดังกล่าว
อิหร่านวิจารณ์สหรัฐฯ ว่ากำลังทำ “สงครามจิตวิทยา” แถมยังเยาะเย้ยว่าทหารอเมริกันเป็น “เป้าหมาย” ของอิหร่านมากกว่าภัยคุกคาม พร้อมย้ำว่าจะไม่ยอมถูกสหรัฐฯ ปิดกั้นการส่งออกน้ำมันเป็นอันขาด
นิวยอร์กไทม์สระบุว่า คณะเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าร่วมการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (9) มีทั้ง จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของทำเนียบขาว, จีนา แฮสเพล ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ), แดน โคสต์ ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ และ โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ โดยมีการนำแผนต่างๆ มาอภิปรายลงรายละเอียด ทว่าตัวเลือกขั้นสูงสุดคือการส่งทหารอเมริกัน 120,000 นายไปยังตะวันออกกลาง ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรืออาจจะหลายเดือนจึงจะสำเร็จ