xs
xsm
sm
md
lg

ซาอุฯโวยเรือน้ำมัน2ลำถูกโจมตีที่'อ่าวเปอร์เซีย'ขณะUS-อิหร่านฮึ่มใส่กัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 ภาพที่ถ่ายเมื่อวันจันทร์ (13 พ.ค.) แสดงให้เห็น เรือบรรทุกน้ำมัน “อัมจัด” ซึ่งซาอุดีอาระเบียระบุว่าเป็นเรือ 1 ใน 2 ลำของตนที่ถูกก่อวินาศกรรมได้รับความเสียหาย บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐฟูไจลาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เอเจนซีส์ - ซาอุดีอาระเบียระบุในวันจันทร์ (13 พ.ค.) เรือบรรทุกน้ำมันของตน 2 ลำ เป็นส่วนหนึ่งของเรือพาณิชย์ 4 ลำที่ถูก “ก่อวินาศกรรม” ได้รับความเสียหายในบริเวณใกล้ๆ อ่าวเปอร์เซีย พร้อมระบุว่าเรื่องนี้เป็นความพยายามบ่อนทำลายความปลอดภัยในการขนส่งน้ำมันดิบ ท่ามกลางความตึงเตรียดที่พุ่งสูงปริ๊ดระหว่างอเมริกากับอิหร่าน ทางด้านเตหะรานก็ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง และเตือนว่านี่อาจเป็นแผนร้ายของผู้ไม่หวังดีภายนอกที่จะก่อกวนความมั่นคงของภูมิภาคแถบนี้

ก่อนหน้านี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) แถลงในวันอาทิตย์ (12) ว่า มีเรือพาณิชย์ของหลายชาติจำนวนรวม 4 ลำ ได้ตกเป็นเป้าหมายของการก่อวินาศกรรม ที่บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐฟูไจลาห์ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐอาหรับที่สังกัดอยูในยูเออี

ยูเออีไม่ได้ระบุว่ามีเรือของชาติใดบ้างที่ถูกเล่นงานคราวนี้ รวมทั้งไม่ได้กล่าวหาว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นฝีมือใครหรือกลุ่มใด แต่เตือนว่า การวินาศกรรมเรือพาณิชย์และเรือของพลเรือน รวมทั้งการคุกคามความปลอดภัยและชีวิตผู้คนบนเรือ เป็นการกระทำที่ร้ายแรง พร้อมเรียกร้องให้มหาอำนาจโลกช่วยกันปกป้องการเดินทางทางทะเลให้มีความปลอดภัย

ต่อมาในวันจันทร์ (13) คาลิด อัล-ฟาลีห์ รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย แถลงว่า เรือบรรทุกน้ำมันสองลำของซาอุดีฯ ได้รับความเสียหายรุนแรงจากการก่อวินาศกรรม ขณะมุ่งหน้าเข้าสู่อ่าวอาหรับ (อ่าวเปอร์เซีย) แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล

นอกเหนือจากซาอุดีอาระเบียแล้ว ยังมีบริษัทนอร์เวย์แห่งหนึ่งออกมาแถลงว่าตนเป็นเจ้าของเรืออีกลำหนึ่ง ขณะที่รายละเอียดเกี่ยวกับเรือลำที่ 4 ที่ถูกวินาศกรรมนั้น ยังไม่มีความชัดเจน

ท่าเรือของเมืองฟูไลจาห์ เมืองเอกของรัฐชื่อเดียวกัน เป็นคลังน้ำมันเพียงแห่งเดียวในยูเออีที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลอาหรับ โดยอยู่ถัดออกมาไม่มากจากช่องแคบฮอร์มุซ ทำให้สามารถเดินทางจากที่นี่ไปยังมหาสมุทรอินเดียได้ โดยไม่ต้องเข้าช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเวลานี้ยังคงเป็นทางผ่านของน้ำมันส่วนใหญ่ที่ส่งออกจากประเทศในอ่าวเปอร์เซีย

ทั้งนี้ น้ำมันเกือบทั้งหมดที่ส่งออกจากซาอุดีฯ อิรัก ยูเออี คูเวต กาตาร์ และอิหร่าน ที่มีปริมาณอย่างน้อย 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ โดยที่ระยะหลังๆ มานี้อิหร่านขู่บ่อยครั้งว่า จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ หากเกิดการเผชิญหน้าทางทหารกับอเมริกา

ฟาลีห์สำทับว่า เรือบรรทุกน้ำมัน 1 ใน 2 ลำที่ถูกโจมตี กำลังเดินทางไปขนน้ำมันดิบจากคลังน้ำมันของซาอุดีฯ เพื่อไปส่งให้ลูกค้าในอเมริกา

รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีฯประณามการโจมตีครั้งนี้ว่า มีเป้าหมายในการบ่อนทำลายเสรีภาพในการเดินเรือและความปลอดภัยในการขนส่งน้ำมันให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก และเรียกร้องให้นานาชาติปกป้องความปลอดภัยในการเดินเรือและเรือบรรทุกน้ำมัน ลดผลกระทบแง่ลบจากเหตุการณ์ในลักษณะนี้ที่มีต่อตลาดน้ำมัน และอันตรายที่อาจเกิดกับเศรษฐกิจโลก

ทางด้านเตหะราน เมื่อวันจันทร์ (13) อับบาส มูซาวี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ออกมาแสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลลัพธ์ที่อาจตามมา รวมทั้งเตือนว่ามีผู้ประสงค์ร้ายวางแผนทำลายความมั่นคงในภูมิภาค และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางคอยเฝ้าระวังพวกนิยมการเสี่ยงภัย ตลอดจนการวางแผนทำลายเสถียรภาพโดยพวกสายลับจากนอกภูมิภาค

ขณะเดียวกันก็มี สมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งของอิหร่านระบุว่า “ประเทศที่สาม” อาจอยู่เบื้องหลังการวินาศกรรมครั้งนี้

ในอีกด้านหนึ่ง เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษเตือนว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิด “ความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ” จากสถานการณ์ที่ลุกลามระหว่างอเมริกากับอิหร่าน เกี่ยวกับข้อตกลงอาวุธนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ฉีกทิ้งเมื่อปีที่แล้ว

สถานการณ์ระหว่างอเมริกากับอิหร่านได้ตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังจากเตหะรานประกาศยุติการปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ 2015 บางส่วนเมื่อวันพุธ (7) เพื่อตอบโต้มาตรการแซงก์ชันฝ่ายเดียวของวอชิงตัน

ก่อนหน้านั้นซาอุดีฯ และยูเออีต่างประกาศสนับสนุนมาตรการของสหรัฐฯที่แซงก์ชันการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และระบุให้ความร่วมมือในการผลิตน้ำมันออกมาชดเชย

เมื่อต้นเดือนนี้ สำนักงานกิจการทางทะเลของรัฐบาลสหรัฐฯ เตือนว่า เรือพาณิชย์ของอเมริกา ซึ่งรวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันที่แล่นผ่านน่านน้ำในตะวันออกกลาง อาจเป็นเป้าหมายการโจมตีของอิหร่าน ต่อจากนั้นวอชิงตันก็ประกาศส่งหมู่เรือโจมตีที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน อับราฮัม ลินคอล์น และเครื่องบินทิ้งระเบิด บี 52 หลายลำ ไปยังอ่าวเปอร์เซีย

ในวันศุกร์ (10) ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯยังประกาศส่งเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกและชุดขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน “แพทริออต” ไปสมทบเพิ่มเติม

เหตุการณ์วินาศกรรมล่าสุด เกิดขึ้นขณะที่ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มุ่งหน้าสู่บรัสเซลส์เพื่อหารือกับพวกผู้นำยุโรปในเรื่องเกี่ยวกับอิหร่าน

พอมเพโอไปบรัสเซลส์ โดยยกเลิกการไปเยือนกรุงมอสโก ซึ่งเขามีกำหนดการจะประชุมกับพวกเจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐฯที่สถานเอกอัครราชทูตอเมริกัน อย่างไรก็ดี เขายังจะเดินทางต่อไปยังเมืองโซชิ ของรัสเซีย เพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ในวันอังคาร (14)
กำลังโหลดความคิดเห็น