‘เซินเจิ้น’ ไม่เพียงจะแซงแค่‘ฮ่องกง’ แต่ยังจะก้าวเลย‘เซี่ยงไฮ้’และ‘ซิลิคอนแวลลีย์’อีกด้วย

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Shenzhen to be ‘top economic powerhouse’
By Ben Kwok
23/04/2019

ตามความเห็นของ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสชื่อดัง สตีเวน ชวง อึงซวง แล้ว เซินเจิ้นที่หนุนหลังด้วยการเติบโตของรวดเร็วของเขต “เกรตเทอร์ เบย์ แอเรีย” จะก้าวขึ้นสู่ฐานะการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของโลก

ตามความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ สตีเวน ชวง อึงซวง (Steven Cheung Ng-sheung) เมืองเซินเจิ้น ที่อยู่ในมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของแผ่นดินใหญ่จีนและอยู่ติดๆ กับเขตบริหารพิเศษฮ่องกง คือ นครบนแผ่นดินใหญ่ที่ควรต้องจับตามองให้ดีในช่วง 100 ปีข้างหน้า เนื่องจากเมืองนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถแซงหน้าเซี่ยงไฮ้เท่านั้น หากยังซิลิคอนแวลลีย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯอีกด้วย บนเส้นทางก้าวเดินเพื่อไปสู่ฐานะการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับโลก

ระหว่างเข้าร่วมเวทีประชุมที่จัดขึ้นในเซินเจิ้น เพื่อพูดคุยเรื่องอนาคตของเขตเกรตเทอร์ เบย์ แอเรีย (Greater Bay Area หรือ เขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า Guangdong-Hong Kong-Macau Greater Bay Area) กับเมืองเซินเจิ้น นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังทางด้านเศรษฐศาสตร์จุลภาค และเป็นผู้ติดตามสังเกตการณ์จีนมาอย่างยาวนานผู้นี้กล่าวว่า เซินเจิ้นจะแซงหน้าฮ่องกงในเรื่องการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศจีน

“เมื่อ 30 ปีก่อน ผมเคยทำนายเอาไว้ว่าเซี่ยงไฮ้จะแซงหน้าฮ่องกง ในวันนี้ผมจะขอพูดว่าเซินเจิ้นนี่แหละจะแซงหน้าเซี่ยงไฮ้” นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสวัย 83 ปีผู้นี้กล่าว

เหตุผลที่ทำให้เขามีความเห็นเช่นนี้ก็เรียบง่ายไม่ได้มีอะไรพิสดาร กล่าวคือ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจใหญ่ๆ สำคัญๆ ทุกๆ แห่ง จะต้องได้รับการหนุนหลังด้วยพื้นที่ชายฝั่งทะเลรอบๆ อ่าวแห่งใดแห่งหนึ่ง และจากข้อริเริ่มล่าสุดของปักกิ่งที่จะส่งเสริมสนับสนุนเขตเกรตเทอร์ เบย์ แอเรีย ให้โดดเด่นทางด้านวัตกรรมและเทคโนโลยี มันก็คือการเสริมเติมเพิ่มพลังให้แก่เซินเจิ้น ไม่ใช่ฮ่องกงเลย ในการเป็นผู้นำเหนือพื้นที่เศรษฐกิจอันมั่งคั่งรุ่งเรืองทรงอำนาจบารมีทางภาคใต้ของแดนมังกรนี้ ซึ่งกำลังบูรณาการเมืองใหญ่ๆ บนแผ่นดินใหญ่ 9 เมืองเข้ากับฮ่องกงและมาเก๊า โดยที่ได้รับการวางแผนเอาไว้เพื่อให้เป็นคู่แข่งกับเมืองซานฟรานซิสโก และกรุงโตเกียว

ปัจจัยสำคัญยิ่งเบื้องลึกความสำเร็จของเซินเจิ้น คือ เมืองตงกวน (Dongguan) ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในระดับโลก ในเรื่องที่ว่าสามารถผลิตอะไรก็ได้แทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง โดยที่ทำได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพในระดับสูง ชวงยืนยันว่าเซินเจิ้นจะสามารถก้าวผงาดขึ้นมาอย่างโดดเด่นได้ ถึงแม้มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ภายหลังประสบความสำเร็จในการพัฒนามากว่า 20 ปี ทำให้ในปัจจุบันต้นทุนด้านแรงงานในเซินเจิ้นไม่ได้ถูกแล้ว และอยู่ในระดับที่สูงกว่าในระบบเศรษฐกิจกำลังพัฒนาอื่นๆ ทว่าถึงกระนั้นมันก็ยังคงได้รับการพิจารณาว่ามีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับระบบเศรษฐกิจพัฒนาแล้วทั้งหลาย

เมื่อปีที่แล้ว เซินเจิ้นสามารถสร้างจีดีพีได้สูงสุดเป็นสถิติใหม่ นั่นคือคิดเป็นมูลค่า 2.1 ล้านล้านหยวน (ราว 352,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 7.5% และใกล้ๆ ที่จะแซงหน้าฮ่องกง ซึ่งกำลังจะรายงานว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ มีจีดีพีเพิ่มขึ้น 3.2% อยู่ที่ 2.86 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 364,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)

คาดหมายกันว่าเขตเกรตเทอร์ เบย์ แอเรีย ที่มีเซินเจิ้นและฮ่องกงเป็นตัวนำ จะทำจีดีพีได้สูงขึ้นเป็น 3 เท่าตัว สู่ระดับ 4.62 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้ภายในปี 2030 จากปัจจุบันซึ่งทำได้ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับ ชวง เขาเป็นคนสัญชาติอเมริกันที่กำเนิดในฮ่องกงในครอบครัวชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส (UCLA) และระดับหลังปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชิคาโก อันเป็นสถาบันการศึกษาซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องกระบวนวิธีเข้าถึงปัญหาแบบตลาดเสรี มหาวิทยาลัยชิคาโกได้บ่มเพาะผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์หลายต่อหลายคน เป็นต้นว่า เพื่อนๆ ของชวง อย่าง มิลตัน ฟรีดแมน (Milton Friedman) และ โรนัลด์ โคส (Ronald Coase)

นักเศรษฐศาสตร์ผู้นี้เคยถูกรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาว่าหนีภาษี และได้เข้ายึดทรัพย์สินของเขาคิดเป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปี 2003 หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว ชวงจึงเลือกที่จะพำนักอาศัยในเซินเจิ้น ไม่ใช่ที่ฮ่องกง ที่ซึ่งเขาอาจถูกส่งตัวไปสหรัฐฯในฐานะผู้ร้ายข้ามเดน ภายใต้ข้อตกลงทวิภาคีระหว่างฮ่องกงกับสหรัฐฯ