เอเจนซีส์ - คริสต์ ฮิวส์ (Chris Hughes) หนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กร่วมกับมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเมื่อปี 2004 ล่าสุดออกมาเปิดเผยว่า เฟซบุ๊กนั้นผูกขาดและซักเคอร์เบิร์กนั้นมีอำนาจอย่างมหาศาล แต่ทำการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างมาก และมีการชี้นำ พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้กำกับสหรัฐฯเข้ามาดูแลให้แยกอาณาจักรการเฟซบุ๊ก เพราะยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากจนล้นเหลือ
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานเมื่อวานนี้(10 พ.ค)ว่า ผ่านหน้าบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์วันพฤหัสบดี(10) คริสฮิวส์ (Chris Hughes) หนึ่งในผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กร่วมกับมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเมื่อปี 2004 และเขาได้ลาออกจากบริษัทในปี 2008 เพื่อทำงานให้กับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา อ้างอิงจากสื่อสหรัฐฯ CNBC ออกมาเรียกร้องสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ “การแยกอาณาจักรเฟซบุ๊กของซักเคอร์เบิร์ก” เพื่อนร่วมหอสมัยเรียนที่ม.ฮาวาร์ด โดยชี้ว่า ใหญ่จนเกินไปและมีอิทธิพลสูง
ฮิวส์เรียกซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กว่า “มีอำนาจมหาศาลและไม่มีความเป็นอเมริกัน” พร้อมชี้ว่า เฟซบุ๊กได้กลายเป็นผู้ผูกขาดที่ทรงอิทธิพล
ในบทความ เขากล่าวว่าเขาตระหนักถึงขอบเขตของความเสียหายจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี 2016 ทำหน้าที่เป็นเสมือนนาฬิกาปลุก รวมไปถึงเรื่องอื้อฉาว เคมบริดจ์ แอนนาไลติกา(Cambridge Analytica)ปี 2018
ฮิวจ์กล่าวว่า อเมริกาจะต่อต้านต่อการผูกขาดเสมอ แต่กลับลืมนึกถึงอันตรายของอัตตาธิปไตย (Autocracy) ที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย เป็นการรวมศูนย์อำนาจให้อยู่ในมือของบุคคลคนเดียว
อำนาจของซักเคอร์เบิร์กคล้ายกับบารอนแห่งการขนส่งและน้ำมันในยุคศตวรรษที่ 19 และสมควรต้องถูกควบคุม
“มาร์คอาจจะไม่เคยมีเจ้านาย แต่เขาสมควรที่ต้องมีใครคอยตรวจสอบอำนาจของเขา” คริสต์ ฮิวส์กล่าว และเสริมต่อว่า “รัฐบาลสหรัฐฯจำเป็นต้องทำ 2 สิ่งนี้คือ แยกอาณาจักรที่ผูกขาดของเฟซบุ๊ก และกำกับบริษัทเพื่อให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นต่อชีวิตประชาชนอเมริกัน
CBS เบย์ซานฟรานซิสโกเบย์แอเรีย รายงานเมื่อเมษายนล่าสุดว่า บริษัทเฟซบุ๊กได้ใช้ร่วม 22 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 สำหรับการรักษาความปลอดภัยให้กับซักเคอร์เบิร์ก
เหมือนกับเช่นซีอีโอบริษัทข้ามชาติรายอื่นๆ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กได้รับเงินเดือนจำนวน 1 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่เขาไม่ได้รับโบนัสหรือหุ้นในปีที่แล้ว แต่พบว่าได้รับค่าตอบแทนเพิ่มจาก 9.1 ล้านดอลลาร์ในปี 2017 มาอยู่ที่ 22.6 ล้านดอลลาร์ปี 2018 เพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายการรักษาความปลอดภัย ที่รวมไปถึงการเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว
RT สื่อออออรัสเซียรายงานว่า ศูนย์การเปิดเผยแห่งชาติ (NWC ) ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยนาน 5 เดือนเกี่ยวกับเฟซบุ๊ก บ่งชี้ว่า เฟซบุ๊กเพิกเฉยที่จะจัดการ หรือซ้ำร้ายยังโปรโมทกลุ่มชายขอบของเครือข่ายอัลกออิดะห์
การศึกษาพบว่าเกิดขึ้นในช่วงระหว่างส.ค-ธ.ค ปี 2018 บ่งชี้ว่ามี 3,228 แอกเคาน์เฟซบุ๊กที่เป็นของ “เพื่อน” หรือ friends ของผู้ก่อการร้ายที่ประกาศตัว พบว่ามีเพียงแค่ 30% เท่านั้นที่ถูกลบไป
สื่อรัสเซียชี้ว่า เมื่อไม่นานมานี้ทางเฟซบุ๊กได้ทำการลบเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะและกลุ่มก่อการร้าย IS ได้ 99% ก่อนที่จะได้รับแจ้งจากผู้ใช้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว กลายเป็นการสร้างเนื้อหาของตัวเองพร้อมไปกับเครื่องมือการสร้างคอนเทนต์ auto-generating tools อ้างอิงจากรายงาน
ตัวอย่างเช่น โดยมีการอ้างไปถึงเพจ auto-generating ของเฟซบุ๊กของกลุ่มก่อการร้ายอัลเชบับของไนจีเรีย ที่ถูกทำให้เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับโลโก้ของISIS
บีบีซี สื่ออังกฤษอธิบายว่า เฟซบุ๊กมีฟีเจอร์การสร้างวิดีโอคลิปเพื่อการเฉลิมฉลองหรือการรำลึกหากว่าเพจนั้นมียอดวิวหรือกดไลค์สูง หรือมีเป็นเพจที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาในช่วงระยะเวลานานหลายเดือน
ส่งผลทำให้เพจธุรกิจในพื้นที่สำหรับกลุ่มอัลกออิดะห์ที่ถูกโปรโมทโดยเครื่องมือของเฟซบุ๊กได้ยอดไลค์จำนวน 7,410 ไลค์ และได้รับข้อมูลที่มีค่าที่ทางกลุ่มสามารถนำไปใช้เพื่อหาสมาชิกใหม่
ทั้งนี้กลุ่มอัลเชบับนั้นเกี่ยวข้องกับกลุ่ม IS มานานแล้ว ซึ่งในปี 2015 นักรบของกลุ่มที่แตกตัวออกมาประกาศจงรักภักดีกับ IS
สื่อธุรกิจชี้ว่า หลังจากที่มีการเผยแพร่ออกไป ในวันเดียวกันนั้น(9) สว.รัฐแมสซาชูเซตส์ เอลิซาเบธ วอร์เรน และผู้ประกาศตัวลงชิงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯปี2020ของพรรคเดโมแครตเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ให้การสนับสนุนการเรียกร้องของฮิวส์ทางสาธารณะ
