เอเจนซีส์ - นักบินของเครื่องบินโดยสารรัสเซียที่ไฟลุกท่วมบนรันเวย์ของสนามบินกรุงมอสโก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 41 คน ระบุในวันจันทร์ (6 พ.ค.) ว่า ฟ้าผ่าขณะเครื่องบินบินอยู่กลางท้องฟ้าเป็นสาเหตุซึ่งทำให้ต้องนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน โดยที่ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งการให้ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียด ถึงแม้แดนหมีขาวยังไม่เห็นความจำเป็นให้เลิกใช้เครื่องบินรุ่นนี้ ซึ่งเป็นเครื่องบินพลเรือนรุ่นแรกหลังยุคสหภาพโซเวียต และเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญภายใต้การผลักดันของประมุขวังเครมลิน
คลิปเหตุการณ์ที่กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ขณะนี้ เผยให้เห็นเครื่องบินโดยสารแบบ ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ของสายการบินแอโรฟลอต ลงจอดฉุกเฉินและวิ่งไปตามรันเวย์ของท่าอากาศยานระหว่างประเทศเซเรเมตีโวในกรุงมอสโก ในสภาพไฟลุกท่วมบริเวณส่วนหางของเครื่องบิน
เจ้าหน้าที่สอบสวนเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 41 คน จากผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดรวม 78 คนบนเที่ยวบินนี้ ซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่เมืองมูรมันสก์ ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ
ก่อนหน้านั้นรัฐมนตรีสาธารณสุขมอสโกแถลงว่า มีผู้รอดชีวิต 37 คน โดย 11 คนได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เครื่องบินลำนี้ที่บรรทุกผู้โดยสาร 73 คน และลูกเรือ 5 คน ออกจากท่าอากาศยานเซเรเมตีโว ซึ่งตั้งอยู่นอกกรุงมอสโก และเป็นสนามบินที่มีการสัญจรแออัดที่สุดของเมืองหลวงรัสเซีย เมื่อเวลา 18.02 น. ตามเวลาท้องถิ่นของรัสเซีย (22.02 น. ตามเวลาไทย) แต่ไม่นานลูกเรือรายงานว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้นและขอกลับลงจอดที่สนามบิน จนกระทั่งเวลา 18.30 น. เครื่องจึงได้ลงจอดฉุกเฉิน
แอโรฟลอต ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของรัสเซีย เผยว่า เครื่องบินวกกลับสนามบินเนื่องจากเหตุผลด้านเทคนิค และว่า เครื่องไฟลุกไหม้หลังจากลงจอด ไม่ใช่กลางอากาศอย่างที่มีการรายงานก่อนหน้านั้น
เจ้าหน้าที่สอบสวนตั้งสมมติฐานในการสอบสวนไว้หลายประเด็น ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบว่า นักบินละเมิดกฎด้านความปลอดภัยทางอากาศหรือไม่
ผู้โดยสารบางคนเชื่อว่า สาเหตุอาจเกิดจากสภาพอากาศเลวร้ายและฟ้าผ่า
ทางด้าน เดนิส เยฟโดคิมอฟ นักบินของเที่ยวบินนี้ ได้บอกกับหนังสือพิมพ์ คอมโซโมลสกายา ปราพดา ของรัสเซียในวันจันทร์ (6) ว่า เครื่องบินไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้ และจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้โหมดควบคุมฉุกเฉิน “สืบเนื่องจากฟ้าผ่า” แต่เขาไม่ได้ระบุเจาะจงว่าเครื่องบินถูกฟ้าผ่าโดยตรงใช่หรือไม่
“เราพยายามที่จะฟื้นคืนการติดต่อสื่อสารโดยผ่านความถี่ฉุกเฉินบนช่องทางติดต่อทางวิทยุของเรา แต่การเชื่อมต่อทำได้แค่เวลาสั้นๆ และการติดต่อก็คอยขาดหาย … ทำได้เพียงแค่พูดไม่กี่คำเท่านั้น” เขาบอก
นักบินผู้นี้บอกว่า เขาเชื่อว่าเครื่องบินเกิดไฟลุกไหม้ขณะลงจอด โดยเป็นไปได้มากที่สุดว่าเกิดจากเชื้อเพลิงที่ยังมีอยู่เต็มถัง
ทั้งนี้มีคำอธิบายว่า นักบินแทบติดต่อสื่อสารกับหอบังคับการบินไม่ได้ ประกอบกับบริเวณนั้นเป็นเขตกรุงมอสโก จึงไม่ได้ทิ้งเชื้อเพลิงออกจากเครื่องบิน ก่อนที่จะร่อนลงฉุกเฉิน
ไฟต์เรดาร์24 ที่เป็นเว็บไซต์ให้บริการติดตามการบิน ก็ระบุว่า เครื่องบินลำนี้บินวนมอสโกสองรอบก่อนลงจอดฉุกเฉิน หลังขึ้นจากสนามบินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
ทางด้านสำนักข่าวอินเทอร์แฟ็กซ์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ได้รับรู้ข้อมูลว่า การอพยพผู้โดยสารล่าช้าเนื่องจากผู้โดยสารบางคนยืนยันว่า ต้องการนำกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่องลงไปด้วย
แหล่งข่าวคนเดิมเพิ่มเติมว่า เครื่องลงจอดสำเร็จในครั้งที่สอง และระบบบางอย่างไม่ทำงาน การลงจอดฉุกเฉินยังทำให้เศษวัสดุกระเด็นเข้าไปในเครื่องยนต์และเกิดไฟลุกไหม้ลามไปยังตัวเครื่องด้านหลังอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับข้อมูลของแอโรฟลอตว่า อุปกรณ์ระงับแรงกระแทกและจมูกเครื่องบินกระแทกกับพื้นรันเวย์ในการลงจอดครั้งที่สอง
สื่อท้องถิ่นหลายแห่งยังรายงานว่า เครื่องบินลำนี้เพิ่งผลิตในปี 2017 และเริ่มให้บริการเมื่อเดือนที่แล้ว
ประธานาธิบดีปูติน แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และสั่งให้สอบสวนอย่างละเอียดที่สุด ส่วนนายกรัฐมนตรีดมิทรี เมดเวเดฟ สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิเศษเพื่อสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้
อุบัติเหตุครั้งล่าสุดนี้ส่งผลร้ายแรงต่ออุตสาหกรรมการบินของรัสเซียที่กำลังประสบปัญหาอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ซูคอย ซูเปอร์เจ็ต-100 เป็นเครื่องบินพลเรือนรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นในรัสเซียหลังยุคสหภาพโซเวียต เมื่อครั้งเปิดตัวในปี 2011 เครื่องบินรุ่นนี้ยังเป็นความภาคภูมิใจของชาติและเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ปูตินผลักดัน
ทว่า หลายปีที่ผ่านมา ซูเปอร์เจ็ตประสบปัญหาทางเทคนิคและความน่าเชื่อถือหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการระงับใช้ในปี 2016 หลังพบข้อบกพร่องในส่วนหางของเครื่องบิน ก่อนหน้านั้นในปี 2012 ที่ซูเปอร์เจ็ตตกในอินเดีย ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้ง 45 คนเสียชีวิต โดยมีการระบุว่า สาเหตุเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์
ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถโน้มน้าวให้ต่างชาติสั่งซื้อได้ รัฐบาลจึงเสนอมาตรการจูงใจสายการบินภายในประเทศให้ซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือแอโรฟลอต โดยในเดือนกันยายนปีที่แล้ว สายการบินแห่งนี้ประกาศจัดซื้อซูเปอร์เจ็ตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 100 ลำ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (6) ว่า ไม่มีความจำเป็นต้องยุติการใช้ซูเปอร์เจ็ต