เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - นักบินประจำเครื่องบินสายการบินแอโรฟลอตที่กลายเป็นลูกบอลเพลิงระหว่างกำลังร่อนลงจอดที่สนามบินกรุงมอสโก และมีผู้เสียชีวิตไป 41 ราย ล่าสุดออกมาชี้ว่า ฟ้าผ่าเป็นสาเหตุทำให้ต้องขอร่อนลงจอดฉุกเฉิน พบมีผู้โดยสารยอมรับเห็นแสงสีขาวสว่างวาบเกิดขึ้น
เอเอฟพีรายงานวันนี้(6 พ.ค)ว่า วันจันทร์(6)เจ้าหน้าที่สอบสวนทำงานอย่างหนักเพื่อต้องการเข้าใจถึงสาเหตุการระเบิดเป็นลูกบอลเพลิงของเครื่องซูกอย ซุปเปอร์เจ็ต-100 (Sukhoi Superjet-100) ของสายการบินสัญชาติรัสเซีย แอโรฟลอต ที่ต้องเดินทางกลับเข้ามาที่ท่าอากาศยานนานาชาติเชเรเมตีโว(Sheremetyevo airport) กรุงมอสโก ไม่นานหลังจากขึ้นเทคออฟออกไปในช่วงค่ำวันอาทิตย์(5)
แต่ทว่านักบินประจำเครื่อง เดนิส เยฟโดกิมอฟ( Denis Yevdokimov) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียว่า เครื่องบินสูญเสียการติดต่อและจำเป็นต้องใช้โหมดฉุกเฉินเนื่องมาจากฟ้าผ่าเครื่องบินแอโรฟลอต เที่ยวบินเมืองมูร์มันสค์ (Murmansk) ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งอยู่ในเขตอาร์คติก
แต่อย่างไรก็ตาม นักบินรายนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเครื่องบินถูกผ่าโดยตรงหรือไม่
“ทางเราสามารถกู้การสื่อสารกลับคืนมาได้ผ่านย่านความถี่ฉุกเฉินของระบบติดต่อทางวิทยุของเรา แต่ทว่าการเชื่อมต่อเกิดขึ้นแค่ช่วงสั้นและถูกตัดตลอดเวลา..มันทำได้แค่พูดได้ไม่กี่คำเท่านั้น” เยฟโดกิมอฟให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์รัสเซีย คอมโซโมลสกายา ปราฟดา( the Komsomolskaya Pravda)
นอกจากนี้เยฟโดกิมอฟยังเปิดเผยว่า เขาเชื่อว่าการที่เครื่องบินระเบิดกลายเป็นบอลเพลิงในระหว่างกำลังร่อนลงจอดนั้นเนื่องมาจากถังน้ำมันบนเครื่องที่มีเชื้อเพลิงอยู่เต็ม
มีเด็กอย่างน้อย 2 คนรวมอยู่ในกลุ่มของผู้เสียชีวิตทั้งหมด 41 คน มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 9 คนอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งในจำนวนนี้มี 3 คนอยู่ในขั้นสาหัส ซึ่งจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินเที่ยวนี้ทั้งหมด 78 คน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสาร 73 คน และลูกเรืออีก 5 คน อ้างอิงจากรอยเตอร์
เอเอฟพีชี้ว่า กล่องดำของเครื่องซูกอย ซุปเปอร์เจ็ต-100 นั้นล่าสุดถูกพบ และได้ส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้ว แหล่งข่าวในหน่วยบริการฉุกเฉินรัสเซียให้ข้อมูล
ถึงแม้จะมีผู้เสียชีวิตถึง 41 ราย และรายการข่าวสถานทีโทรทัศน์ของสหรัฐฯเป็นต้นว่า รายการมอร์นิงโจทางสถานี MSNBC เน็ตเวิร์ก เช้าวันจันทร์(6) ออกมาวิจารณ์ถึงความไม่ปลอดภัยของเครื่องบินรัสเซีย แต่รอยเตอร์รายงานว่า ทางมอสโกยืนยันที่จะไม่สั่งให้เครื่องบินซูกอย ซุปเปอร์เจ็ต-100 ที่ถูกผลิตในประเทศห้ามขึ้นบิน
โดยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมรัสเซีย เยฟเกนีย์ ดิทริคห์(Yevgeny Ditrikh) ได้กล่าวตอบคำถามนักข่าวในงานแถลงข่าวจากคำถามที่ว่า สมควรหรือไม่ที่เครื่องบินซูกอยสมควรถูกสั่งห้ามขึ้นบินระหว่างรอผลการสอบสวน
แต่ดิทริคห์ตอบกลับว่า “ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น”
และในการแถลงข่าว รัฐมนตรีคมนาคมรัสเซียยังชี้ว่า ได้มีการพบศพผู้เสียชีวิตทั้ง 41 คนแล้ว ส่วนผู้โดยสาร 33 คน และลูกเรือ 4 คนรอดออกมาได้ โดยทั้งหมดมีผู้บาดเจ็บ 6 รายอยู่ในขั้นสาหัสและต้องเข้ารับการรักษา
ทั้งนี้พบว่าเครื่องบินลำเกิดเหตุถูกต่อขึ้นที่เขตตะวันออกไกลของรัสเซียเมื่อสิงหาคม 2017 และเพิ่งถูกรับเข้าประจำฝูงในเดือนนี้ รอยเตอร์ชี้
เอเอฟพีรายงานว่า มีไม่กี่คนจากทั้งหมด 78 คนที่อยู่บนเครื่องเที่ยวบินนี้กล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่า “ฟ้าผ่า” เป็นสาเหตุของโศกนาฎกรรมครั้งร้ายแรง
โดย ดมิตรี คเลบุชกิน(Dmitry Khlebushkin ) ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว RIA ว่า “ผมเห็นแสงสีขาวสว่างวาบ”
ส่วน พยอตร์ อีโกรอฟ(Pyotr Egorov) ซึ่งอยู่บนเครื่องที่เกิดเหตุด้วยแสดงความเห็นว่า “พวกเราเพิ่งเท็คออฟเกิดในเวลาที่เครื่องถูกฟ้าผ่า..และเป็นการร่อนลงจอดแบบฮาร์ดแลนดิง พวกเราเกำอบจะหมดสติเพราะความกลัว”
อีโกรอฟกล่าวต่อว่า “เครื่องบินกระดอนบนลานวิ่งเหมือนตั๊กแตน และระเบิดลุกโชนเป็นเปลวเพลิงบนพื้น”
