รอยเตอร์ – สื่อโสมแดงเผย คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ควบคุมการทดสอบการปล่อยจรวดและอาวุธยุทธวิธีนำวิถีพิสัยใกล้เมื่อวันเสาร์ (4 เม.ย.) ท่ามกลางความกังวลว่า เปียงยางกำลังพยายามยั่วยุ ขณะที่การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีชะงักงันมาพักใหญ่ กระนั้น ทรัมป์ยังมองแง่ดีว่าจะบรรลุข้อตกลงกับประมุขเกาหลีเหนือได้ในที่สุด ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลจะเป็นขั้นตอนต่อไป ถ้าวอชิงตันยังไม่ให้ในสิ่งที่คิมต้องการโดยเร็ว
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือรายงานในวันอาทิตย์ (5 เม.ย.) ว่าวัตถุประสงค์ในการฝึกครั้งนี้คือทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องยิงจรวดลำกล้องใหญ่พิสัยไกลแบบหลายลำกล้องและอาวุธยุทธวิธีนำวิถีของหน่วยป้องกันประเทศ
คิม ดอง-ยุบ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารของสถาบันเพื่อการศึกษาตะวันออกไกล มหาวิทยาลัยคยุงนัมของเกาหลีใต้ กล่าวว่า ภาพที่เคซีเอ็นเอเผยแพร่แสดงให้เห็นว่า อาวุธยุทธวิธีนำวิถีที่ยิงอาจเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้จากพื้นสู่พื้น “อิสกันเดอร์” ซึ่งแม้ขัดต่อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แต่อย่างน้อยก็ไม่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธพิสัยไกลที่ถือเป็นภัยคุกคามต่ออเมริกา
คิมเสริมว่า ขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งรุ่นใหม่นี้สามารถยิงได้ไกล 500 กิโลเมตร หรือครอบคลุมคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด และสามารถหยุดยั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธขั้นสูง “ทาด” ที่อเมริกาติดตั้งในเกาหลีใต้ได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า อาวุธที่โสมแดงทดสอบล่าสุดมีพิสัยเพียง 70-240 กิโลเมตรเท่านั้น
ผู้นำโสมแดงย้ำระหว่างออกคำสั่งในการทดสอบอาวุธเมื่อวันเสาร์ว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพในการสู้รบเพื่อป้องกันอธิปไตยทางการเมืองและระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพิงตนเองท่ามกลางภัยคุกคามและการรุกราน
เกาหลีเหนือระงับการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์นับจากปี 2017 ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อวดอ้างซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เป็นความสำเร็จสำคัญของตนเองจากการเปิดเจรจากับเปียงยาง
แฮร์รี คาเซียนิส ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาเกาหลีของสถาบันเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติในวอชิงตัน ตั้งข้อสังเกตว่า เนื่องจากเกาหลีเหนือไม่เคยสัญญาว่า จะยุติการทดสอบขีปนาวุธทุกชนิด แต่รับปากเพียงว่า จะระงับการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกล เช่น ขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ที่โจมตีถึงแผ่นดินใหญ่ของอเมริกา ดังนั้น จึงไม่ควรตกอกตกใจกับการทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ครั้งนี้
ทางด้านเกาหลีใต้เรียกร้องทันทีให้เพื่อนบ้านชาติคอมมิวนิสต์รายนี้หยุดการกระทำที่ปลุกเร้าความตึงเครียดทางการทหารบนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่ทรัมป์ทวิตว่า ยังคงเชื่อมั่นว่า จะบรรลุข้อตกลงกับคิมได้ และเชื่อว่า ผู้นำเกาหลีเหนือตระหนักถึงศักยภาพเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ของตนเองและจะไม่ทำสิ่งใดที่แทรกแซงหรือทำให้ศักยภาพนั้นสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ สำนักงานเสนาธิการร่วมทางทหารของเกาหลีใต้แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า เกาหลีเหนือยิงโปรเจ็กไทล์จากเมืองวอนซานบนฝั่งตะวันออกของประเทศเมื่อเวลาประมาณ 9.00 น. วันเสาร์ โดยวัตถุเหล่านั้นมุ่งหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและไปได้ไกลราว 70-200 กิโลเมตร
แรกทีเดียวนั้น กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า เป็นการยิงขีปนาวุธ ก่อนออกแถลงการณ์โดยใช้ถ้อยคำคลุมเครือว่า โปรเจ็กไทล์ และเสริมว่า กองทัพกำลังร่วมวิเคราะห์เหตุการณ์นี้กับอเมริกา
ชิน บอม-ชุล นักวิชาการอาวุโสของสถาบันอาซันเพื่อการศึกษาด้านนโยบายในโซล แสดงความเห็นว่า การทดสอบครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับจากปลายปี 2017 โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเตือนทรัมป์ให้ยอมดำเนินการขั้นตอนปลดอาวุธนิวเคลียร์บางส่วนที่คิมเสนอหรือปล่อยให้การเจรจาล่ม เขายังคาดว่า การทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอาจเป็นขั้นตอนต่อไป เว้นแต่คิมจะได้ในสิ่งที่ต้องการโดยเร็ว
การเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีชะงักลงหลังจากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างคิมและทรัมป์ที่ฮานอยจบลงโดยไม่มีข้อตกลงใดๆ เนื่องจากเปียงยางเรียกร้องให้วอชิงตันยกเลิก
มาตรการแซงก์ชันเพื่อแลกกับการยุติโครงการนิวเคลียร์บางส่วน แต่อเมริกาต้องการให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
ครั้งล่าสุดที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธคือเดือนพฤศจิกายน 2017 ด้วยการทดสอบไอซีบีเอ็ม หลังจากนั้นไม่นานโสมแดงประกาศว่า กองกำลังนิวเคลียร์ของตนสมบูรณ์แล้วและแบะท่าพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ