xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ'เมย์'ไล่ออกรมว.กลาโหมอังกฤษ ปล่อยข่าวรั่วให้'หัวเว่ย'ร่วมสร้าง5G

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

<i>ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ แกวิน วิลเลียมสัน อยู่ด้านนอกของสำนักงานนายกรัฐมนตรี เลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ในกรุงลอนดอน  ทั้งนี้ล่าสุดเขาถูกนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ปลดออกจากตำแหน่งแล้วเมื่อวันพุธ (1 พ.ค.) </i>
เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษ เมื่อวันพุธ (1 พ.ค.) ปลด แกวิน วิลเลียมสัน รัฐมนตรีกลาโหมพ้นจากตำแหน่ง ระบุผลการสืบสวนบ่งชี้ว่าเขาคือผู้ที่ต้องถูกกล่าวโทษปล่อยให้ข้อมูลการสนทนาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้ หัวเว่ย บริษัทโทรคมนาคมจีน เข้ามีส่วนร่วมสร้างเครือข่าย 5 จีอย่างมีเงื่อนไข รั่วไหลออกไปสู่ภายนอก

“ในคืนวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ แกวิน วิลเลียมสัน ออกไปจากรัฐบาล เนื่องจากได้สูญเสียความไว้วางใจในความสามารถของเขาที่จะปฏิบัติหน้าที่ในบทบาทของรัฐมนตรีกลาโหม และในฐานะเป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะรัฐมนตรีของเธอ” โฆษกผู้หนึ่งแถลงจากสำนักงานนายกรัฐมนตรี ที่บ้านเลขที่ 10 ถนนดาวนิ่ง ในกรุงลอนดอน

ในจดหมายที่เขียนถึงวิลเลียมสัน นายกฯเมย์ยังระบุว่า จากการสืบสวน “ได้พบหลักฐานที่บังคับให้ต้องระบุว่า เป็นความรับผิดชอบของคุณสำหรับเรื่องที่ได้มีการเปิดเผยออกไปอย่างไม่ได้รับอนุญาต” เกี่ยวกับเนื้อหาของการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เอ็นเอสซี) เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตัววิลเลียมสันเองยังคง “ปฏิเสธอย่างเหนียวแน่น” ว่าไม่ได้เป็นผู้ปล่อยข่าวรั่วไหล

“ไม่มีเวอร์ชั่นที่น่าเชื่อถืออื่นๆ อีกแล้วเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ที่จะอธิบายได้ถึงการรั่วไหลตามที่ได้มีการระบุนี้” จดหมายของเมย์บอก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความสาหัสร้ายแรงยิ่ง และก็เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างลึกซึ้งด้วย” เธอกล่าวต่อ โดยที่เห็นกันว่ามาถึงเวลานี้ วิลเลียมสันอาจกำลังเผชิญความเป็นไปได้ที่จะถูกตำรวจสอบสวนความผิดทางอาญาอีกด้วย

พวกนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นต้นว่า วินซ์ เคเบิล ผู้นำของพรรคเสรีประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ถึงตอนนี้จะต้องแจ้งความต่อตำรวจนครบาล เพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวนในฐานะเป็นคดีอาญาอย่างถี่ถ้วน ว่ามีการกระทำความผิดฐานละเมิดพระราชบัญญัติความลับทางราชการหรือไม่”

วิลเลียมสันได้ตอบจดหมายของเมย์ โดยกล่าวว่า เขา “รู้สึกเสียใจ” ที่เมย์รู้สึกว่าการรั่วไหลซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้นั้นมีต้นตอมาจากกระทรวงกลาโหม

“ผมขอปฏิเสธอย่รางเหนียวแน่นว่าผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการรั่วไหลนี้ และผมมั่นใจว่าการสืบสวนอย่างเป็นทางการอย่างถี่ถ้วนจะสามารถยืนยันจุดยืนของผมได้”

เขาเปิดเผยด้วยว่าเมย์ได้ให้โอกาสเขาที่จะยื่นใบลาออก แต่เขาปฏิเสธเนื่องจากเห็นว่ามันจะเท่ากับการยอมรับผิด

ในเวลาต่อมา สำนักงานนายกรัฐมนตรีถนนดาวนิ่งแถลงว่า เมย์ แต่งตั้ง เพนนี มอร์ดันท์ รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาระหว่างประเทศ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมแทน วิลเลียมสัน และแต่งตั้ง รอรี สจ๊วร์ต รัฐมนตรีราชทัณฑ์ขึ้นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีการพัฒนาระหว่างประเทศแทน มอร์ดันท์
<i>แผ่นป้ายที่หน้าอาคารสำนักงานของหัวเว่ย ในเมืองเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ </i>
คณะรัฐบาลของอังกฤษซึ่งอยู่ในสภาพแตกแยกกันหนักอยู่แล้วจากความเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องเบร็กซิต เผชิญกับความสั่นคลอนจากกรณีอื้อฉาวล่าสุดนี้ เมื่อมีข่าวรั่วไหลปรากฏทางหนังสือพิมพ์เดลี่เทเลกราฟตอนปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า เมย์ต้องการปล่อยให้บริษัทหัวเว่ยมีส่วนร่วมในการพัฒนาเครือข่ายสื่อสารไร้สายระบบ 5 จี ของอังกฤษ

รายงานข่าวนี้บอกว่า การตัดสินใจเช่นนี้ปรากฏออกมาภายหลังมีการอภิปรายโต้เถียงกันอย่างขมขื่น ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวันที่ 23 เมษายน

การประชุมหารือของสภาความมั่นคงนั้น เข้าได้เฉพาะรัฐมนตรีระดับอาวุโสและข้าราชการระดับอาวุโสเท่านั้น โดยที่ก่อนอื่นผู้เข้าประชุมต้องลงนามตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติความลับทางราชการ ซึ่งระบุว่าพวกเขาจะต้องเก็บรักษาการสนทนานี้เอาไว้เป็นความลับไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา

ปรากฏว่า เดลี่เทเลกราฟ รายงานว่า เมย์เห็นชอบกับการอนุญาตให้หัวเว่ยสามารถสร้างส่วนประกอบ “ที่ไม่ใช่แกนกลาง” ของเครือข่าย 5 จี ของอังกฤษได้

เท่าที่ผ่านมา สหรัฐฯเคลื่อนไหวกดดันอย่างออกหน้าออกตา ไม่ให้เหล่าชาติพันธมิตรโดยเฉพาะชาติยุโรป เกี่ยวข้องใดๆ กับหัวเว่ย โดยใช้ข้ออ้างทั้งเรื่องที่ว่าจีนมีกฎหมายความมั่นคงบังคับให้บริษัทสัญชาติจีนต้องให้ความร่วมมือ ตลอดจนเรื่องที่ว่าอุปกรณ์หัวเว่ยอาจมี “ประตูหลัง” สำหรับให้ฝ่ายจีนทำจารกรรม ถึงแม้ในเรื่องแรกจีนโต้ว่านี่เป็นกฎหมายที่ตนออกมาตามอย่างประเทศอื่นๆ เท่านั้น ส่วนในเรื่องหลังทั้งจีนและหลายชาติในยุโรปเองก็บอกว่า วอชิงตันไม่เคยแสดงหลักฐานที่หนักแน่นออกมายืนยัน

ในจดหมายที่เมย์เขียนถึงวิลเลียมสันระบุว่า เป็น “เรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด” ที่สมาชิกต่างๆ ของสภาความมั่นคง … จะต้องสามารถ “อภิปรายกันอย่างมีรายละเอียดและตรงไปตรงมาด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่” ว่ามันจะไม่ถูกนำออกเปิดเผยต่อสาธารณชน

สื่อมวลชนของอังกฤษรายงานว่า มาร์ก เซดวิลล์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นข้าราชการประจำที่มีอาวุโสสูงที่สุดของอังกฤษ ได้ยื่นคำขาดต่อพวกผู้เข้าร่วมประชุมคราวนั้น ให้ออกมาปฏิเสธไม่ได้เป็นผู้ปล่อยข่าวรั่วไหล

ปรากฏว่าวิลเลียมสันเป็นหนึ่งในคนแรกๆ ที่ออกมาปฏิเสธดังกล่าว โดยพูดถึงการรั่วไหลนี้ว่าเป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง”

พวกพันธมิตรของเขาบอกกับ เคต แมคแคนน์ นักข่าวของทีวีสกายนิวส์ว่า พวกเขาสงสัยเซดวิลล์จะเป็นตัวจักรสำคัญในการทำให้วิลเลียมสันถูกไล่ออกคราวนี้ สืบเนื่องจากวิลเลียมสันกับเซดวิลล์มีความไม่ลงรอยกันในอดีต

วิลเลียมสันซึ่งปัจจุบันอายุ 42 ปี เคยเป็นพันธมิตรที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจคนหนึ่งของนายกฯเมย์

เขาเคยเป็นผู้จัดการการรณรงค์หาเสียงด้านสมาชิกรัฐสภาของเมย์ เมื่อตอนที่เธอประสบความสำเร็จในการเข้าแข่งขันชิงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม อันหมายถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากพรรคนี้ครองเสียงข้างมากอยู่ในสภา จากนั้นวิลเลียมสันก็ได้รับรางวัลด้วยตำแหน่งเป็นหัวหน้าวิปในสภา นั่นคือคอยใช้วินัยตีกรอบควบคุม ส.ส.พรรคอนุรักษนิยมให้ทำตามมติของพรรค

วิลเลียมสันเพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา และเป็นที่รู้จักกันดีจากการเลี้ยงแมงมุมพิษตัวใหญ่พันธุ์ทารันตูลา เอาไว้ตัวหนึ่ง ตั้งชื่อว่า โครนุส โดยเลี้ยงอยู่ในตู้กระจกเลื่อนเปิดปิดได้ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา

เมย์ทำให้ผู้คนรู้สึกเซอร์ไพรซ์ระคนไม่เห็นด้วย เมื่อเธอแต่งตั้งวิลเลียมสันนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหมในเดือนพฤศจิกายน 2017 ภายหลังรัฐมนตรีคนก่อนคือ ไมเคิล ฟอลลัน ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากถูกกล่าวหาเรื่องการละเมิดทางเพศ

ความเคลื่อนไหวคราวนั้นก่อให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า สำนักงานวิปของวิลเลียมสันมีบทบาทในการรวบรวมตระเตรียมเอกสารข้อกล่าวหาเล่นงานฟอลลอนเกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวดังกล่าวหรือเปล่า ขณะเดียวกันก็มีรายงานว่าวิลเลียมได้แนะนำเมย์ให้ระวังว่า ฟอลลอนยังอาจจะเจอข้อกล่าวหาอื่นๆ ต่อไปอีก

“อย่าได้เข้าใจผิดไปเป็นอันขาด แกวิน วิลเลียมสัน นั้นต้องการที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และเขารู้เรื่องราวสกปรกทั้งหมดของเพื่อนร่วมงานของเขา” นี่เป็นข้อความในข้อเขียนชิ้นหนึ่งของ ทิม ชิปแมน บรรณาธิการข่าวการเมืองของหนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ ซันเดย์ ไทมส์


กำลังโหลดความคิดเห็น